TACC ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ คาดกำไรทั้งปี 64 เติบโต 14%YoY

TACC ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ คาดกำไรทั้งปี 64 เติบโต 14%YoY

กำไรงวด 2Q64 เท่ากับ 55 ลบ. +14%YoY +17%QoQ บริษัทรายงานรายได้งวด 2Q64 เท่ากับ 352 ลบ. +9.5%YoY +8%QoQ แม้ได้ผลลบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ผลกระทบถูกจำกัด

หลัง 7-Eleven ปรับมาให้บริการแบบ Delivery ส่วนการออกเครื่องดื่มใหม่ทั้งกลุ่ม All Café และโถกดเย็นได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี นอกจากนี้ การปรับเพิ่มการจำหน่ายเครื่องดื่มขนาด 22 Oz.ที่มีอัตรากำไรดีกว่าเครื่องดื่มขนาดเล็กกว่า ช่วยหนุนทั้งรายได้และ %GPM ให้ดีขึ้นสู่ 39% (1Q64 = 36%, 2Q63 = 34%) ส่งผลให้งวด 2Q64 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 55 ลบ. +14%YoY +17%QoQ และทำให้กำไรงวด 1H64 เท่ากับ 101 ลบ. +11%YoY และคิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 64 เดิมที่ 225 ลบ.

  • ปรับกำไรสุทธิปี 64 ลง 5% สู่ 215 ลบ. +14%YoY แต่คาด 2H64 โต HoH เราปรับประมาณการรายได้และกำไรสุทธิทั้งปี 64 ลง 5% สู่ 1,446 ลบ. +10%YoY และ 215 ลบ. +14%YoY ตามลำดับ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ (ปลาย 2Q64 – 3Q64) ประกอบกับมาตรการ
    ล็อกดาวน์ส่งผลให้ร้านสะดวกซื้อถูกจำกัดเวลาเปิดให้บริการถึง 20:00 น. (พื้นที่สีแดงเข้ม) ส่งผลให้เราคาดแนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 อาจทรงตัวหรืออ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี เราคงคาดผลการดำเนินงาน 2H64 จะดีกว่า 1H64 จากการฟื้นคืนใน 4Q64 หลังศบค.เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนมาใช้บริการ Delivery ของ 7-Eleven มากขึ้น ขณะที่เครื่องดื่มรสชาติใหม่ White Chocolate Mint (โถกดเย็น) และ Blueberry Crumble (All Café) ได้กระแสตอบรับดี นอกจากนี้ บริษัทมีปัจจัยหนุนใหม่จากการส่งเครื่องดื่มให้กับ Lotus’s go fresh (Tesco lotus express) ซึ่งในร้านจะมี Shop in Shop ของ Jungle Café โดยปัจจุบันบริษัทส่งให้กับ Lotus’s go fresh แล้วราว 1,100 สาขา

 

  • ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะกลาง-ยาว

1) ธุรกิจ Character ปัจจุบันมี Licenses ของ San-X, หมาจ๋า, Jay the Rabbit และล่าสุด Warbie Yama ซึ่งมีศักยภาพเติบโตทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยปี 64 ลูกค้าหลายรายชะลอการใช้บริการ แต่คาดจะกลับมาและเร่งตัวขึ้นในปี 65 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

2) การขยายสาขา Shop in shop ใน Lotus’s go fresh (Jungle Café) และ
แบรนด์ร้านคาเฟ่อื่นๆ อาทิ กาแฟมวลชน, Black Canyon, CP Fresh Mart, ARABITIA, กาแฟพันธุ์ไทย และล่าสุด BAO Café

3) การขยายสาขาของ 7-Eleven ซึ่งปกติเปิดใหม่ปีละราว 700 สาขา และล่าสุด 7-Eleven เพิ่งเปิดสาขาแรกในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา (ปัจจุบันมี 2 สาขา) โดย TACC เข้าร่วมให้บริการในรูปแบบผงชงเครื่องดื่ม (Non-Coffee menu) ที่มุม All Café และมุมเครื่องดื่มโถกดเย็น

4) ผลิตภัณฑ์ Health & Wellness (สินค้ากัญชง-กัญชา) ที่ร่วมลงทุนกับบริษัท ไทยคานาเทค อินโนเวชั่น จำกัด (TCI) คาดจะเห็นความชัดเจนช่วงต้นปี 65

 

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมปี 64 ลงเล็กน้อยสู่ 8.20 บาท

เราประเมินราคาเหมาะสม TACC ด้วยวิธี Prospective PER ที่ระดับเดิม 23.2x ณ ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งต่ำกว่า PE ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ระดับ 25x อย่างไรก็ดี เราปรับประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้นในปี 64 ลงสู่ 0.35 จาก 0.37 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมใหม่ของปี 64 ที่ 8.20 บาท (เดิม 8.60 บาท) ซึ่งยังคงมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน ประกอบกับไม่มีภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จ่ายปันผลอัตราราว 3.5-4% ต่อปี จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

ความเสี่ยง

1) การแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่รุนแรง

2) รายได้กว่า 90% พึ่งพาร้าน 7-Eleven

3) สัญญา San-x (Character Business) สิ้นสุดปี 2567 (เดิมสิ้นสุดปี 2565)