SA จับมือ Bitkub ดึงลูกค้า New Gen “ซื้อบ้าน” ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

SA จับมือ Bitkub ดึงลูกค้า New Gen “ซื้อบ้าน” ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

SA ร่วมมือ Bitkub เดินหน้าพร้อมรับแลกสกุลเงินดิจิทัล เพิ่มช่องทางความสะดวกในการเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดฯ ให้กับลูกค้าในทุกโครงการ หวังขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม New Gen มากขึ้น คาดเริ่มเปิดให้บริการได้ภายใน 1 ต.ค.นี้

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA  เปิดเผยว่า บริษัทได้เลือก บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงคลิปโทเคอร์เรนซี ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นบริษัทที่มีธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องที่สุดในประเทศไทย

สำหรับวัตถุประสงค์ของการพัฒนาบริการใหม่นี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของบ้าน หรือ โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท โดยสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) ผ่าน Wallet ของ Bitkub

ส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ประกอบด้วย โครงการภายใต้แบรนด์แลนด์มาร์ค , แบรนด์รามาดา, แบรนด์วินแดม และ แบรนด์บลอสซั่ม หรือ ทุกโครงการที่เปิดขาย โดยบริษัทจะเปิดรับเงินสกุลดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก

“บริษัทเล็งเห็นโอกาสของการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการเป็นเจ้าของสินค้า และ ใช้บริการ โดยมองว่าปัจจุบันมีผู้สนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทำให้มองว่าจะเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม NEW GEN ที่คุ้นเคยกับการใช้เงินดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการเปิดบัญชีกับ Bitkub เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้ลูกค้าสามารถให้ลูกค้านำเงินดิจิทัลมาใช้ร่วมกันได้ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดใช้บริการในวันที่ 1 ต.ค. 64”นายขจรศิษฐ์ กล่าว    

SA จับมือ Bitkub ดึงลูกค้า New Gen “ซื้อบ้าน” ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล โครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาของบริษัทฯตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าจำนวนมาก อาทิ โครงการ รามาดา เรสซิเดนซ์  สุขุมวิท 87, โครงการ รามาดา พลาซา เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 48, โครงการ วินแดม การ์เด้น เรสซิเดนซ์  สุขุมวิท 42 เป็นต้น รวมทั้งมีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 1 โครงการ ติดทางลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ชำระเงินดิจิทัลแทนเงินสด เพื่อเจาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มนักศึกษา คนรุ่นใหม่ และ ในอนาคตคาดว่า จะเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ใช้สกุลเงินคริปโตฯ ในชีวิตประจำวันได้เพิ่มเติม ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี