อ่อนตัว - เก็งกำไร : KCE HANA BLA (21 ก.ย. 64)

อ่อนตัว - เก็งกำไร : KCE HANA BLA (21 ก.ย. 64)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1610 / 1620 จุด แนวรับ 1595 / 1585 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีแนวโน้มลงต่อ

โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1585 จุด หลังวานนี้หลุดแนวรับ Fibonanci แนวแรกที่เราเคยให้ไว้ 1609 จุด ไฮไลท์สำคัญ คือ ตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ภาวะ Risk-off (ขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรสกุล USD ทดแทน) เพราะกังวลต่อ Contagion Effect ของบริษัท Evergrande และรอลุ้นผลประชุมเฟดวันพรุ่งนี้ แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่ได้ที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท KCE HANA SUN รวมถึงได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลตอบแทบพันธบัตร (Bond Yield) เช่น BLA

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด

1. ความกังวลเกี่ยวกับกรณีบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน Evergrande ซึ่งมีแนวโน้มจะผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะครบกำหนดจ่ายในวันที่ 23 ก.ย. นี้ ส่งผลกระทบต่อราคา Commodities โดยเฉพาะเหล็ก เพราะวิตกผลกระทบต่อเนื่องมายังสถานการณ์ทางการเงินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างรายอื่น ๆ ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการก่อสร้างโครงการ

2. การปรับเพดานหนี้สาธารณะขึ้นจาก 60% เป็น 70% ส่งผลลบในช่วงสั้นต่อตลาดหุ้นไทย จากความกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจช้ากว่าที่คาด เป็นสาเหตุให้เกิดเงินทุนไหลออกในช่วงสั้น จากแรงเทขายในตลาดพันธบัตร ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมามีทิศทางอ่อนค่าและกดดันตลาดหุ้นไทย

3. ตลาดมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่สภาวะชะลอลงทุน เพราะรอความชัดเจนเกี่ยวกับส่งสัญญาณ QE Taparing จากทั้งทางฝั่ง BOE และ FOMC และเป็นเทศกาลวันหยุดของหลายประเทศในเอเชีย

4. การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลางเดือน ต.ค. ของกทม. คาดว่าจะล่าช้าออกไป หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังคงอยู่ในระดับสูง และรอศบค. อนุมัติ (-กลุ่มโรงแรม AWC CENTEL CPN ERW)

 

 

ประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม

     - Opportunity Day วันนี้ ได้แก่ JR ASIMAR RT SIMAT TQR UBIS

     - การเปิดเผยรายงาน “OECD’s Interim Economic Outlook” คาดว่าจะมีการลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เริ่มเร่งตัวในสหรัฐฯ

     - การประชุมของธนาคารกลางอินโดนีเซียและการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.5%

     - ตัวเลขจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างใหม่และการอนุมัติของสร้างบ้านประจำเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ตัวเลข

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

      - ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก: ดัชนีฯ ปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด และแกว่งตัวในแดนลบตลอดการซื้อขาย ก่อนมาปิดตลาดที่ 1603.06 จุด ลดลง -22.59 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท นำลงโดยหุ้นกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -1.78% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -1.75% กลุ่มพาณิชย์ -1.42% และกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค -1.17% หุ้นบวก >4% EE TCC TIPH TEAMG SE U ICN AJ UREKA KISS AQ RICHY T หุ้นลบ >4% TTA PSL RCL SIRI SMART ORI AS GEL LANNA GJS NCAP DIMET UKEM OTO FVC CCP ITD

      - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปดิ่งแรง: DJIA -1.78% (-614.41 จุด) S&P500 -1.70% NASDAQ -2.19% เพราะกังวลกรณี China Evergrande Group จะฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและรอผลการประชุม FOMC เพื่อดูความชัดเจนเกี่ยวกับ QE Tapering ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -1.74% DAX -2.31% FTSE -0.86% จากความกังวลกรณี China Evergrande Group เช่นกัน

      +/- ตลาดน้ำมันปิดลบ แต่ทองปิดบวก: WTI-USD1.68 ปิดที่ USD70.29/บาร์เรล Brent -USD1.42 ปิดที่ USD73.92/บาร์เรล จากความกังวลกรณี China Evergrande Group และตลาดยังรอคอยรายงาน “OECD’s Interim Economic Outlook” ที่จะออกมาในคืนนี้ ส่วนราคาทองคำปิดบวก +USD12.4 ปิดที่ USD1,763.80/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
 

ประเด็นสำคัญ

          - USD/THB: เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 33.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจาก 33.23 บาท เมื่อวันศุกร์จากสภาวะ Risk-Off ในตลาดหุ้นเอเชีย หลังมีความกังวลในประเด็น China Evergrande Group โดยวันนี้คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทจะอยู่ที่ 33.30-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

         - Evergrande: เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ขณะที่บริษัทมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวด ในเดือนนี้ วงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย. และมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย. นี้

        - Thailand: ที่ประชุมคกก. มีมติขยายเพดานเงินกู้เป็น 70% ต่อจีดีพี เพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงิน เพื่อดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง คาดรัฐบาลกู้เงินเพิ่มได้อีก 1 ล้านล้านบาท เตรียมไว้เพื่อใช้รองรับวิกฤติเศรษฐกิจจาก COVID-19

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TU APURE SUN

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KCE HANA BLA

Derivatives: ทยอยปิด Short S50U21 รอทำกำไรตามเป้า (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)