HARN กำไรสุทธิ 1H64 ที่ยังแผ่วทำให้คาดทั้งปีหดตัว

HARN กำไรสุทธิ 1H64 ที่ยังแผ่วทำให้คาดทั้งปีหดตัว

กำไรสุทธิ 2Q64 หดตัว 31%YoY และ 19%QoQ : งวด 2Q64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท ลดลง 31%YoY และ 19%QoQ รายได้จากการขายและบริการ 260 ล้านบาท ลดลง 11%YoY และ 2%QoQ

เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อและเลื่อนการส่งมอบสินค้า อัตรากำไรขั้นต้น 31% ทรงตัว YoY ลดลงเล็กน้อยจาก 32% ใน 1Q64  อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7% ลดลงจาก 9% ใน 1Q64 และ 2Q63  EBITDA margin 13.5% ลดลงจาก 14.6% และ 14.2% ใน 2Q63  กำไรสุทธิ 1H64 เท่ากับ 42 ล้านบาท ลดลง 32%YoY ด้านฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่งแม้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 0.28 เท่าจาก 0.26 เท่า ณ ปลายปี 63 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.78 เท่า และมีสภาพคล่องรองรับการลงทุนเพิ่มโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้

HARN กำไรสุทธิ 1H64 ที่ยังแผ่วทำให้คาดทั้งปีหดตัว ​​​​​​

•    ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลดลง 44% : กำไร 6M64คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรทั้งปี 64 เดิมที่ 150 ล้านบาท ปลายมิ.ย. 64 มี backlog 442 ล้านบาท (เพิ่มจาก 404 ล้านบาท ณ สิ้น 1Q64) ราว 80% คาดจะโอนภายในปลายปี 64  ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เริ่มต้นในเดือนเม.ย.64 และในช่วง 3Q64 ช่วงเดือนก.ค. - ส.ค. มีมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ภาคธุรกิจชะลอการสั่งซื้อสินค้าและการส่งมอบสินค้ามีความล่าช้า  ทำให้คาดว่าจะเห็นผลประกอบการในช่วง 3Q64 ต่ำสุดรายไตรมาสของปี 64  ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้และบริการปี 64 ลดลง 24% เหลือ 1,039 ล้านบาท (จากเดิม 1,367 ล้านบาท) ซึ่งหดตัว 10%YoY  ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิลดลง 44% เหลือ 84 ล้านบาท (จากเดิม 150 ล้านบาท) หดตัว 16%YoY 

 

•    คาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 พลิกเติบโต 29% : ฝ่ายวิจัยประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปี 65 มีแนวโน้มดีขึ้นจากปี 64 ส่งผลให้ยอดขายในทุกผลิตภัณฑ์มีโอกาสพลิกเติบโต  ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศได้รับอานิสงส์จากการเป็นตัวแทนขายสินค้าปรับอากาศขนาดใหญ่ระบบ VRF จากประเทศจีนที่เริ่มจำหน่ายสินค้าตั้งแต่ต้นปีและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจำหน่ายสินค้าอีกกว่า 10 โครงการ ส่วนผลิตภัณฑ์ระบบดับเพลิงคาดจะมีความต้องการสูงขึ้นหลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานโรงงานเม็ดพลาสติกของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ที่จะทำให้ผู้ใช้งานหันมาทบทวนประสิทธิภาพในการใช้งานระบบป้องกันอัคคีภัยที่มีอยู่ให้มากขึ้น   ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้และกำไรสุทธิในปี 65 ราว 1,246 ล้านบาท และ 108 ล้านบาท ซึ่งพลิกเติบโต 20% และ 29% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามยังต่ำกว่าประมาณการเดิมของเรา เพื่อสะท้อนการคาดการณ์ที่ระมัดระวังขึ้น    

•    คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 เท่ากับ 2.60 บาท : ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย  ฝ่ายวิจัยปรับมาใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 ซึ่งอิงประมาณกำไรต่อหุ้นปี 65 ที่ 0.18 บาท และ Prospective P/R ที่ระดับ 14 เท่าซึ่งปรับเพิ่มจากเดิมที่ระดับ 10 เท่า (อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท โดยเราปรับเพิ่ม Prospective P/E เนื่องจากเราประเมินกำไรปี 64 และ 65 ที่ระมัดระวังขึ้นจากสถานการณ์โควิด จึงมีโอกาสที่กำไรจะเติบโตมากขึ้นในปี 2566)  ได้ราคาเหมาะสมปี 65  เท่ากับ 2.60 บาท ซึ่งราคาปัจจุบันอยู่ใกล้กับราคาเหมาะสม ขณะที่คาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ราว4-5% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” รับเงินปันผล                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                      
 

ปัจจัยเสี่ยง :
1.    การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความล่าช้าทำให้กำลังซื้อลดลง
2.    การสูญเสียการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า
3.    การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจชะลอการลงทุน
4.    อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนส่งผลต่อต้นทุนสินค้านำเข้า