ตัวเลขผู้ติดเชื้อชะลอตัว (13 กันยายน 2564)

ตัวเลขผู้ติดเชื้อชะลอตัว (13 กันยายน 2564)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงในช่วงเช้า แต่มีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่าย หุ้นกลุ่มที่นำดัชนี ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และ อิเล็กทรอนิกส์

โดยในช่วงบ่ายศบค. ประกาศคงมาตรการควบคุมตามเดิม จนถึงวันที่ 30 ก.ย. ประกอบกับมีปัจจัยกดดันจากประเด็นทางการเมือง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,535.35 จุด +6.23 จุด +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 92,056 ลบ. ต่างชาติ +716.27 ลบ. TFEX -3,737 สัญญา ตราสารหนี้ -1,996.41 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ บริษัทโมเดอร์นา อิงค์กำลังพัฒนาวัคซีนแบบโดสเดียวซึ่งจะรวมวัคซีนบูสเตอร์ป้องกันไวรัสโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ไว้ในเข็มเดียวกัน
+ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐเชื่อว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ อาจจะได้รับอนุญาตให้ใช้กับเด็กอายุ 5-11 ปีได้ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้
+ สธ. เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค. 64 ประเทศไทยมีแผนจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวม 24 ล้านโดส ตั้งเป้าฉีดอย่างน้อย 50% ทุกจังหวัด
+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ลดลงต่อเนื่อง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 12,583 ราย มีผู้เสียชีวิต 132 ราย รักษาหาย 16,304 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 271.66 จุด -0.78% นลท.วิตกว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐหลังเปิดเผยดัชนี PPI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนส.ค. และนักลงทุนกังวลเฟด จะปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
- ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 69.72 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการเจรจาระหว่างปธน.โจ ไบเดน กับปธน.สี จิ้นผิงช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และภาวะตึงตัวของปริมาณน้ำมันในสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา
- อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศว่า การกักตุนวัคซีนของประเทศตะวันตกที่ร่ำรวยจะส่งผลให้เกิดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่จำเป็นนับหลายพันรายต่อเดือนในประเทศยากจน หากยังไม่มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันกว่านี้

 

 

- สหพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งประเทศจีน (CFLP) เปิดเผยดัชนีที่บ่งชี้ว่า การขยายตัวของภาคการผลิตทั่วโลกชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนส.ค.
- CDC สหรัฐชี้คนไม่ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโควิดมากกว่าคนฉีดแล้ว 11 เท่า
- รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลหลากทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศ ปรับตัวลดลงเหลือ 1.2 หมื่นราย/วัน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,625 -1,646 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• FTSE Rebalance Large Cap Index หุ้นเข้า BBL, KBANK หุ้นออกBBL-F,BBL-R ,KBANK-F , KBANK-R, AWC, BJC, DIF : Mid Cap Index หุ้นเข้า AWC, BJC, DIF หุ้นออก ไม่มี : Small Cap Index หุ้นเข้า : JMART, STARK หุ้นออก - FTREIT มีผล 17 ก.ย.
• ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง BANPU AGE LANNA
• หุ้น Cyber Security SECURE AMR DITTO VCOM
• เปิดตัว iPhone 13 SPVI COM7 SYNEX CPW

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                              PSTC – แนะนำ “ซื้อ”
                          (ราคาเหมาะสม 2.83 บาท)

•รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 5 ลบ. หดตัว 90%QoQ และหดตัว 68%YoY แม้ว่ารายได้ 2Q64 จะเติบโต 22%QoQ มาอยู่ที่ 777 ลบ. จากรายได้จากการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 39%QoQ แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 13.5% ในไตรมาสก่อนสู่ 10.8% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างปรับตัวลงจาก 10.7% สู่ 7.7% จากผลกระทบของ COVID-19 อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของโรงไฟฟ้า Spp-Hybrid 15 ลบ. ทั้งนี้รายงานกำไรปกติที่ 20 ลบ. หดตัว 62%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 25%YoY และรายงานกำไรสุทธิ 6M64 ที่ 58 ลบ. เติบโต 105%YoY และคิดเป็น 45% ของประมาณการเดิมที่ 130 ลบ.

•คาดกำไรปี 64-65 อยู่ที่ 99 ลบ. และ 243 ลบ.เติบโต 105%YoY และ 146%YoY ตามลำดับ จากที่มีผลขาดทุนในปี 63 ที่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าโรงไฟฟ้าราว 1 พันลบ. โดยปี 65 คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการท่อส่งน้ำมันไปยังภาคอีสานเต็มปีและธุรกิจขาย LNG จะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
•ความเห็น เรามีมุมมองบวก เนื่องจากผลประกอบการปี 64 และ 65 กลับมาเติบโตเนื่องจากไม่มีบันทึกด้อยค่าโรงไฟฟ้า และเตรียมรับรู้รายได้จากโครงการ TPN ซึ่งช่วยหนุนผลประกอบการตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป เราจึงคงคาแนะนำ ซื้อ

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGC ( ฺBloomberg Consensus 13.35 บาท) เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงานลดสัดส่วนการถือหุ้น มุ่งขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเพิ่มขึ้น อีกกว่าเท่าตัว จาก 1.1 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568 ฟากโบรกมองว่าบริษัทจะได้เงินสดเข้ามา 608 ล้านบาท ลุยลงทุนในธุรกิจหลักได้ และมองว่าเป็นการคลายความกังวลเรื่องการเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนสูง 4-5 พันล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASIAN ( ฺBloomberg Consensus 22.25 บาท) ลุยสินค้าไฮแวลู ซุ่มศึกษา Plant-Based Meat หรือเนื้อจากพืช เน้นกลุ่มอาหารทะเล คาดชัดเจนสิ้นปีนี้ แย้มอยู่ระหว่างทดลองตลาด มองโอกาสเติบโตสูง พร้อมปีนี้รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ชูธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงทาเงิน ดีมานด์พุ่ง มั่นใจโกยยอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมการันตีรายได้ปีนี้โต 10% แตะ 9.4 พันล้านบาท ตามเป้าพร้อมอยู่ระหว่างจัดทาแผนธุรกิจ 5 ปี แย้มสถาบันใน-นอก เข้าลงทุนต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PJW ( ฺBloomberg Consensus - บาท) “ปัญจวัฒนาฯ” หรือ PJW คาดผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก เหตุธุรกิจบรรจุภัณฑ์ น้ำมันหล่อลื่นและชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้น บุ๊กรายได้ธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของบริษัทลูก PJM เข้ามา Q4 มั่นใจรายได้ปีนี้โต 8-10% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BCP ( ฺBloomberg Consensus 31.00 บาท) “บางจาก” ตั้งเป้ายอดขายปลายปีนี้นิวไฮจากอดีตสูงสุด 1.8 แสนล้านบาท หลังภาพรวมรายได้ทุกธุรกิจปีนี้ดีดขึ้น โรงกลั่นเดินเครื่องเต็มกาลัง 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน พร้อมบันทึกรายได้จาก OKEA และ BCPT เพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)