NER ขยายธุรกิจยางพาราปลายน้ำปี 65

NER ขยายธุรกิจยางพาราปลายน้ำปี 65

NER รุกธุรกิจปลายน้ำ ผลิตและจำหน่ายยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ คาดรับรู้รายได้ ปี 65 พร้อมดันสัดส่วนเป็น 20% ของรายได้รวมทั้งหมดจากผลิตภัณฑ์ปลายน้ำและธุรกิจอื่นๆในปี 67 พร้อมปันผลงวดครึ่งปี 64 จำนวน 115 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยปลายปี 2565 บริษัทเข้าสู่ธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าปลายน้ำ  โดยได้สร้างนวัตกรรม ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ผลิตและจำหน่ายยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักในฟาร์มปศุสัตว์ อาทิ ฟาร์มโคเนื้อ โคนม ฟาร์มเลี้ยงกระบือ แพะ และแกะ เป็นต้น รวมถึงคอกอนุบาลปศุสัตว์แรกเกิดและจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำอื่นๆอีกต่อไป

สำหรับการติดตั้งเครื่องจักร บริษัทจะนำเข้ามาติดตั้งในช่วงปลายปี 2564 คาดใช้งบลงทุนราว 240 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ในปี 2565และในปี 2567 จะมียอดขายจากสินค้าปลายน้ำและธุรกิจอื่นๆที่มิใช่ยางพารา คิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวมทั้งหมด  ในส่วนของการผลิต ทางบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบต้นน้ำที่ได้มาตรฐานสากล ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานและชุมชนที่อยู่ร่วมกัน  

พร้อมเตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดประเทศไทยด้านแผ่นปูนอนปศุสัตว์ และพร้อมส่งออกสินค้าไปยังฟาร์มโคนมและฟาร์มปศุสัตว์อื่นๆ ทั่วโลกซึ่งบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้านผลิตภัณฑ์แผ่นยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ ได้ออกแบบมาให้พื้นผิวสัมผัสมีความนุ่มและสามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างเป็นธรรมชาติ  ช่วยลดการบาดเจ็บ และ ความตึงเครียดของสัตว์ ทำให้สัตว์กินอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพ เพิ่มความสมบูรณ์ของร่างกายสัตว์ สามารถช่วยลดการเกิดแผลบริเวณเข่า จากการ ลุก นั่ง นอน  อีกทั้งยังลดเชื้อโรคจากกลีบเท้า และช่วยให้ฟาร์มสามารถทำความสะอาดได้ง่าย

 "ปัจจุบันทางบริษัท ได้มีการนำแผ่นยางปูพื้นคอกสำหรับปศุสัตว์ ให้กับทางฟาร์มโคนมรายใหญ่ในประเทศไทยได้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก วัวจะใช้เวลานั่งบนแผ่นยางมากกว่า 12 ชั่วโมงตัววัน ซึ่งส่งผลให้มีการไหลเวียนของเลือดบริเวณเต้านมได้เพิ่มขึ้นประมาณวันละ  30% อีกทั้งส่งผลให้เจ้าของฟาร์มเพิ่มผลกำไรได้เป็นอย่างดี” 

นอกจากนี้บริษัทยังมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท จำนวนรวมคิดเป็น 115.17 ล้านบาท โดยมีกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 24 สิงหาคม 2564 และ จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 6 กันยายน 256