ปตท. เดินหน้าค้า LNG สากลเต็มกำลัง

ปตท. เดินหน้าค้า LNG สากลเต็มกำลัง

ปตท. ได้เล็งเห็นความสำคัญ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดการค้า LNG โลก ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสและรายได้ให้กับกลุ่ม ปตท.

LNG (Liquefied Natural Gas) คือ ก๊าซธรรมชาติที่ถูกแปรสภาพให้อยู่ในรูปของเหลวเพื่อประโยชน์ในการขนส่งในระยะไกลโดยไม่ต้องผ่านท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ โดยเป็นการนำก๊าซธรรมชาติที่มีก๊าซมีเทนเป็นองค์ประกอบหลักมาแยกสิ่งปลอมปนและองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปรอท และกำมะถันออก จากนั้นจึงทำการลดอุณหภูมิลงมาที่ -160 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ก๊าซเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวที่ความดันบรรยากาศและมีปริมาตรลดลงประมาณ 600 เท่าจากสถานะก๊าซ

ทั้งนี้ ความต้องการใช้ LNG เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากเหตุผลทางสิ่งแวดล้อม เพราะ LNG เป็นพลังงานที่เมื่อถูกเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าพลังงานจากฟอสซิลอื่น ๆ เช่น ถ่านหิน หรือน้ำมันเตา รวมถึงปลอดภัยกว่าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีอันตรายจากสารกัมมันตภาพรังสี

ปัจจุบันทั่วโลกมีการซื้อขาย LNG ประมาณ 400 ล้านตันต่อปี โดยมีประเทศผู้ผลิตหลักได้แก่ กาตาร์ ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา และมีทวีปเอเชียเป็นผู้นำเข้า LNG มากที่สุด โดยมีประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้เป็นผู้นำเข้าหลัก ประเทศไทยเองก็มีการนำเข้าประมาณ 6 ล้านตันต่อปี เพื่อทดแทนการผลิตก๊าซธรรมชาติภายในประเทศที่มีแนวโน้มลดลง

ในด้านรูปแบบการซื้อขายและจำนวนผู้เล่นในตลาด LNG นั้น จากเดิมที่เป็นการซื้อขายแบบสัญญาระยะยาวระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีจำนวนผู้เล่นไม่มาก แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นการซื้อขายแบบสัญญาระยะสั้นหรือสปอต (Spot) ในตลาดจรถึง 40% และมีจำนวนผู้เล่น รวมถึง Trader ที่เข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ ปริมาณเรือขนส่ง LNG ในตลาดก็เติบโตตามปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT Trading ได้เล็งเห็นความสำคัญ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดการค้า LNG โลก ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสและรายได้ให้กับกลุ่ม ปตท.  จึงได้จัดตั้ง LNG Trading Desk ที่ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 โดยบริษัทดังกล่าวมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2543 ครอบคลุมผลิตภัณฑ์การค้าน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ปิโตรเคมี รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ การจัดการบริหารความเสี่ยงราคาและควบคุมความเสี่ยงทางการค้ามาอย่างต่อเนื่อง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา PTT Trading สามารถทำการค้า LNG ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก และมีปริมาณการค้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 5 แสนตัน ในปี 2562 เป็น 8 แสนตัน ในปี 2563 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 PTT Trading ประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าการค้าส่วนเพิ่มผ่านการใช้ประโยชน์จาก Import Capacity ส่วนเกินจากความต้องการใช้ในประเทศ ทำการ Reloading LNG ไปขายยังตลาดเอเชียเหนือในช่วงที่ราคาในตลาดจรปรับตัวขึ้นสูงอย่างมากจากภาวะอากาศหนาวจัด และยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลทางพลังงานให้กับประเทศ สามารถจัดหา LNG เร่งด่วน (Prompt Cargo) รองรับความต้องการในประเทศในช่วงที่ตลาดโลกมีอุปทานจำกัด

คาดว่าในปี 2564 นี้ จะมีปริมาณการค้ามากกว่า 1 ล้านตัน และมีเป้าหมายที่จะขยายปริมาณการค้ามากกว่า 2.5 ล้านตันในปี 2568 สอดรับกับความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มมากขึ้นตามทิศทางพลังงานโลก และด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการค้า ประกอบกับการมีบริษัทลูกที่ตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าพลังงานโลก (Trading Hubs) ได้แก่ สิงคโปร์ จีน อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออก LNG ที่สำคัญของโลก  ส่งผลให้ PTT Trading มีความเข้าใจในธุรกรรมการซื้อขาย (Trade flow), กระบวนการจัดการสายโซ่อุปทาน (Supply Chain Management), การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงความผันผวนของราคา (Pricing Volatility) ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เช่น ราคาซื้อขาย Japan/Korea Marker (JKM) ในฝั่งเอเชีย, ราคา UK NBP และ Dutch TTF ของทวีปยุโรป และ ราคา Henry Hub ของทวีปอเมริกา

จากที่กล่าวในข้างต้น ประเทศไทยมีการนำเข้า LNG มาตั้งแต่ปี 2554 โดยปัจจุบันมีปริมาณการนำเข้าประมาณ 6 ล้านตันต่อปีและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งภาครัฐยังให้การสนับสนุนเรื่องการค้าเสรี เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการค้าของภูมิภาค ด้วยความพร้อมในส่วนของ Import Facility ซึ่งปัจจุบันมีขีดความสามารถในการแปรสภาพก๊าซอยู่ที่ 11.5 ล้านตันต่อปี และและขยายขีดความสามารถได้อีก 7.5 ล้านตันต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565  ด้วยประสบการณ์ของ PTT Trading ในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ การมีเครือข่ายการค้าและความเชี่ยวชาญในการบริหารความเสี่ยงและระบบควบคุมความเสี่ยงอย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้มั่นใจได้ว่า PTT Trading จะเป็นส่วนสำคัญใน PTT LNG Value Chain ในการสร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับกลุ่ม ปตท. และประเทศไทย อย่างยั่งยืนต่อไป

นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เชื่อมั่นว่า LNG เป็นพลังงานในยุคเปลี่ยนผ่านสู่อนาคต (Energy Transition) และ Portfolio ของทั้งโลกกำลังมุ่งเน้นสู่ LNG เพิ่มขึ้น เห็นได้จากในช่วงวิกฤต COVID- 19 ในปี 2563 แม้ว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกลดลงถึง 9% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ความต้องการใช้ LNG เติบโตถึงประมาณ 3% สวนกระแสอุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ลดลง

PTT Trading มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับทิศทางของพลังงานโลก พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ นอกจากนี้ การที่ ปตท. มีความพร้อมในด้าน-โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งท่านำเข้า LNG ที่มาบตาพุด และในอนาคตจะเริ่มดำเนินการท่าเรือนำเข้า LNG ที่หนองแฟบ จะทำให้มีขีดความสามารถรวม 19 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณในอ่าวไทย สามารถใช้เก็บและเปลี่ยนสถานะเพื่อส่งออกหากอุปทานมีปริมาณสูงกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศ เพื่อให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับนโยบายของ ปตท. ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2565 ไทยจะเป็น LNG Hub ในภูมิภาค ซึ่งคุณดิษทัตกล่าวทิ้งท้ายว่า การเปิดดำเนินการบริษัท PTT International Trading USA Inc. ที่สหรัฐอเมริกา (PTTT USA) ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพและกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านการส่งออก LNG จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ ปตท. ทำให้สามารถบริหารจัดการ และปรับกลยุทธ์การทำการค้า LNG ได้เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น