KCE - ถือ (14 ก.ค.64)

KCE - ถือ (14 ก.ค.64)

ประมาณการ 2Q64F: กำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดกำไรจากธุรกิจหลักของ KCE ใน 2Q64 จะอยู่ที่ 530 ล้านบาท (+624% YoY, +23% QoQ) ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักใน 1H64 อยู่ที่ 961 ล้านบาท (+129% YoY) เราคาดว่ากำไรที่โตทั้ง YoY และ QoQ จะมาจากยอดขายที่แข็งแกร่ง (เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำเพราะเป็นช่วงที่มีการ lockdown ทั่วโลกใน 2Q63 และอุปสงค์แข็งแกร่ง) และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น (จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง และการปรับราคาขาย)

Impact

ประมาณการ 2Q64: กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY

เราคาดว่ายอดขายของ KCE ใน 2Q64 จะอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท (+76% YoY, +9% QoQ) ซึ่งจะทำให้ยอดขายในงวด 1H64 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท (+33% YoY) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่ายอดขายใน 2Q64 จะอยู่ที่ 119 ล้านดอลลาร์ฯ (+78% YoY, +5% QoQ) ซึ่งจะทำให้ยอดขายในงวด 1H64 อยู่ที่ 233 ล้านดอลลาร์ฯ (+35% YoY) เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำ และอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 26.8% (+8.6ppts YoY, +1.7ppts QoQ) เพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง และมีการปรับราคาขาย ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 1H64 อยู่ที่ 25.9% (+4.2ppts YoY)

แนวโน้มสดใสใน 2H64 ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564-65F ขึ้นอีก 17%

ถึงแม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งจะหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องจากปัญหาขาดแคลน chip แต่คำสั่งซื้อของ KCE น่าจะยังแข็งแกร่ง (เนื่องจากปัญหาขาดแคลน chip ทำให้เกิดความกังวลว่าชิ้นส่วนอื่นจะขาดแคลนตามไปด้วย) นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีกใน 2H64 ดังนั้น เราจึงคาดว่าโมเม
นตั้มของยอดขายจะเร่งตัวขึ้นใน 2H64 ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคาดว่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และอานิสงส์จากการปรับราคาขายจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นอีกด้วย ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65F ใหม่ (จากเดิม 29.50 บาท/ดอลลาร์ฯ เป็น 31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ) ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น
(จากเดิม 27.0% เป็น 28.5% ในปี 2564 และจากเดิม 28.0% เป็น 29.5% ในปี 2565) และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ขึ้นอีก 17% ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักโตถึง 117% ในปี 2564 และ 18% ในปี 2565

Valuation & action

เราปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 จากเดิม 68.00 บาท เป็น 80.00 บาท อิงจาก PER ที่ 36.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +1.5 S.D.) และแนะนำ “ถือ” โดยมองว่าผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น YoY ใน 2Q64 และโมเมนตั้มที่แข็งแกร่งใน 2H64 อาจจะทำให้ราคาหุ้น overshoot ไปได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไร

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)