กรมวิชาการเกษตรมั่นใจมาตรฐาน หลังจีนขอสุ่มตรวจผลไม้ ก่อนส่งออก ก.ค.นี้

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมฯได้รับหนังสือจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง ซึ่งระบุว่าสำนักงานการศุลกากรจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC)แจ้งขอสุ่มตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ทุเรียน ลำไย มังคุด และมะพร้าว ของไทยที่ส่งออกไปจีน ทั้งเรื่องการควบคุมดูแลศัตรูพืชในสวนผลไม้และมาตรการควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนโควิด-19 โดยขอให้กรมฯจัดแผนการตรวจประเมินโดยให้มีเจ้าหน้ากรมฯปฏิบัติงานจริงให้เห็นในระหว่างการตรวจประเมินผ่านระบบ Zoom

ทั้งนี้ กรมฯ ได้เสนอแผนการตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ทั้ง 4 ชนิดให้จีนพิจารณาตรวจประเมินในช่วงเดือน ก.ค.จำนวน 3 สวน 3 โรงคัดบรรจุ ต่อ 1 พืช โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุก่อนที่ฝ่ายจีนจะแจ้งผลการพิจารณาแผนการสุ่มตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุตามที่กรมฯเสนอให้ทราบในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้หน่วยงาน GACC ของจีนยังได้แจ้งให้ทราบถึงแนวทางการดำเนินงานกรณีตรวจพบการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 บนบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิความเย็นสินค้าตั้งแต่ออกจากแหล่งผลิตจนถึงผู้บริโภค (cold chain) ณ ด่านนำเข้า โดยหากตรวจพบครั้งที่ 1 และ 2 ระงับการยื่นขอนำเข้า เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากถูกตรวจพบครั้งที่ 3 ระงับการนำเข้าเป็นเวลา 4 สัปดาห์

ซึ่งกรมฯ ได้ยืนยันว่าฝ่ายไทยมีการดำเนินการตามแนวทางป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ตามข้อปฏิบัติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงการย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรการเพื่อควบคุมสุขอนามัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ผลิตอาหาร

“ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19เราต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสตอกย้ำให้จีนเชื่อมั่นในมาตรการกำกับดูแลการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งมีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ก่อนจะมีการส่งออกสินค้าในเดือน ก.ค.นี้“

โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-15 มิ.ย. 2564 ไทยส่งออกทุเรียนไปจีนแล้วปริมาณ 253,017 ตัน มูลค่า 31,069 ล้านบาท ลำไยปริมาณ 89,366 ตัน มูลค่า 3,907 ล้านบาท มังคุดปริมาณ 20,486 ตัน มูลค่า 1,651 ล้านบาท มะพร้าว 61,070 ตัน มูลค่า 1,176 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกผลไม้ทั้ง 4 ชนิดจำนวนทั้งสิ้น 37,803 ล้านบาท