Hotel Sector (10 พ.ค.64)

Event

อัพเดตแนวโน้มกลุ่มโรงแรม

Impact

ปรับลดสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564F เป็น 2 ล้านคน และปี 2565F เป็น 25 ล้านคน

เราปรับลดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลงเหลือ 2 ล้านคน (จากเดิม 8 ล้านคน) และปี 2565F เหลือ 25 ล้านคน (จากเดิม 32 ล้านคน) เพื่อสะท้อนถึงการที่นักท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เราคาดว่าประเทศไทยจะกลับมาเปิดประเทศแบบ soft reopening ใน 3Q64F โดยจะเริ่มจาก
การใช้ภูเก็ตเป็น sand box model ต่อจากนั้น ใน 4Q64 จังหวัดอื่น ๆ มีแนวโน้มจะทยอยเปิดตามซึ่งจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวได้อย่าง ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการของกลุ่มในปี 2564-65F ลงอีก 118% และ 21% ตามลำดับ (Figure 11)

การฉีดวัคซีนในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟื้น

เราเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจเปิดประเทศของรัฐบาลจะมาจากทั้งการฉีดวัคซีนทั่วโลก และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนในประเทศไทย โดยคาดว่าประเทศไทยจะสามารถจัดหาวัคซีนได้ 110 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ (Figure 6) ทั้งนี้ เราเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ครบ 50 ล้านคนตามเป้าภายในสิ้นปีนี้ จากเป้าของรัฐบาลที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 300,000 โดสต่อวัน

ราคาหุ้นขึ้นยังคงขึ้นอยู่กับความหวัง

จากการศึกษาของเรา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ตลาดมีแนวโน้มจะมองข้ามและมุ่งความสนใจไปที่การฟื้นตัวของกำไรในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมซื้อขายแบบมี premium อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่โมเมนตัมของกำไรจะทยอยฟื้นตามมา ดังนั้น เราจึงใช้โอกาสนี้เพิ่ม premium
ให้กับการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มโรงแรมในปี 2565F

คงนํ้าหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight

ถึงแม้ว่าการที่ COVID-19 กลับมาระบาดในประเทศไทยอีกระลอกจะสร้างแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญต่อภาวะการท่องเที่ยวไทยในระยะสั้นถึงกลาง แต่เราคาดว่าผลกระทบด้านลบจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และราคาหุ้นที่ปรับลงมาแรงเกินไปจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาว เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเลือก Minor International (MINT.BK/MINT TB)* (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท) และ Siam Wellness Group (SPA.BK/SPA TB) (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

Risks

COVID-19 ระบาดอย่างยืดเยื้อ และปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง