TACC - ซื้อ

TACC - ซื้อ

แนวโน้มยังเติบโตต่อเนื่อง

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังส่งงบ 4Q63, อัพเดตแนวโน้มธุรกิจ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565

lmpact

กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2563

กำไรสุทธิของ TACC ใน 4Q63 ออกมาน่าประทับใจที่ 51 ล้านบาท (+14.6% YoY, +9.7% QoQ)ในขณะที่กำไรสุทธิในปี 2563 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 188 ล้านบาท (+18.4% YoY) มีสาเหตุสำคัญมาจาก:

      i) ยอดขายสินค้า margin สูงเพิ่มขึ้น (ยอดขายของ All Cafe คิดเป็นประมาณ 38% ของยอดขายรวม)

     ii) บริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น ลดต้นทุนวัตถุดิบลง, คุมต้นทุน logistic ได้ดี)

     ii) คุมค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ได้ดี (14.7% ใน 4Q63 20 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ)

แม้ว่ารายได้จากยอดขายของ TAAC ในปี 2563 จะลดลง 13.5% YoY เหลือ 1.32 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิก็ยังคงเพิ่มขึ้น YoY โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 33.9% ในปี 2563 (จาก 30.7% ในปี 2562) ในขณะเดียวกัน สัดส่วน SG&A/ยอดขายก็ลดลงเหลือ 16.2% ในปี 2563 (จาก 17.5% ในปี 2562)

แนวโน้มยังคงเป็นบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปัจจัยกระตุ้นตัวใหม่

บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มรายได้จากธุรกิจ B2B และ B2C ในอีกสองสามปีข้างหน้า หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2563 โดยในปี 2564F เราคาดว่าธุรกิจ B2B ของ TACC จะทำรายได้ถึง 1.37 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.8% YoY และคิดเป็น 92% ของรายได้รวมในปี 2564F) เนื่องจาก i) มีการขยายสาขาร้าน 7-Eleven อีก 700 สาขาในปี 2564F และ ii) ปริมาณยอดขายของร้าน All Cafe เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขนาดแก้วจาก 16 เป็น 22 ออนซ์ นอกจากนี้ เรายังคาดว่ารายได้จากธุรกิจ B2C จะเพิ่มเป็น 119 ล้านบาท (+81.5% YoY และคิดเป็น 8% ของรายได้รวมในปี 2564F) หลังจากที่ลดลง 59% และคิดเป็นสัดส่วนแค่ 5% ของรายได้รวมในปี 2563 ทั้งนี้ แนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นเป็นผลมาจาก I) การผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ใน 2H64 และ ii) กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้น YoY นอกจากนี้ TACC ยังเซ็น MoU กับ Thai Canatech Innovation และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครในการค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์จากกัญชง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์ได้ภายใน 2H64 และเป็น upside ในอนาคต

คงประมาณการกำไรปี 2564-65 เอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ไว้ที่ 233 และ 255 ล้านบาท ตามลำดับ

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 12.60 บาท (อิงจาก P/E เฉลี่ยห้าปีย้อนหลังที่ 30x) จากราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 11.00 บาท เรายังคงเลือก TACC เป็นหุ้นเด่นของเราจากแนวโน้มอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง และ ROE ที่สูง (26.5% ในปี 2563 และ 31.6% ในปี FY64-65F)

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ความขัดแย้งทางการเมือง