Rebound

Rebound

ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวลงกว่า 10.52 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐสูงกว่าคาด สร้างความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่ตลาดหุ้นภายในประเทศมีการปรับพอร์ตขายทำกำไรในกลุ่ม Big Cap นำโดย AOT ADVANC PTT และ PTTEP ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,500.51 จุด -10.52 จุด -0.70% มูลค่าการซื้อขาย 90,519 ลบ. ต่างชาติ -3,038.93 ลบ. TFEX -11,318 สัญญา ตราสารหนี้ +431 ลบ. ขณะที่ทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวลง 7.84 จุด -0.5%

ปัจจัยบวก

+/-ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.98 จุด หรือ +0.0031% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจซึ่งจะได้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทันทีที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ชะลอตัวลง
+ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันกำหนดการวัคซีนโควิด-19 ลอตแรกของประเทศไทย จำนวน 200,000 โดสในวันที่ 24 ก.พ.นี้
+ ททท.เตรียมชง ศบศ.พิจารณาจัดตั้งกองทุน 30,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการปรับตัวให้เข้ากับสมดุลใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย
+พาณิชย์เผย อานิสงส์โควิดหนุน สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งออกโตต่อเนื่อง ยอดรวมปี 63 ทำได้มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4%
+ 10 รัฐมนตรีรอดจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจตามคาด เมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เสียงข้างมาก ลงมติ "ไว้วางใจ"

ปัจจัยลบ

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า การผลิตน้ำมันดิบในรัฐเท็กซัสของสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในไม่ช้านี้ หลังจากที่ต้องชัตดาวน์การผลิตจากผลกระทบของพายุฤดูหนาว
-รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยระบุถึงองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เนื่องจากการบริโภคชะลอตัวลง
- รัฐบาลอังกฤษและแคนาดาประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่กลาโหมเมียนมาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา
-รัสเซียพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 เป็นรายแรกของโลก
-MSCI Index เตรียมปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยรอบใหม่ ซึ่งจะมีผลประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ก.พ.

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากวัคซีนโควิด-19 ลอตแรกที่จะเข้าไทยในนวันที่ 24 ก.พ.นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงเป็นตัวกดดันตลาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,490-1,515 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่คาดผลประกอบการออกมาดี TNP SONIC BIZ
• ดัชค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง TTA PSL RCL
• วัคซีนโควิด-19ลอตแรกเข้าไทย AWC ERW MINT CENTEL

หุ้นรายงานพิเศษ

         XO   “ซื้อ”   ราคาเหมาะสม 15.00 บาท

•คาดว่ารายได้ 4Q63 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนสู่ 320 ลบ. ลดลง 7% QoQ เนื่องจากอุปทานเรือขนส่งขาดแคลน (กระทบรายได้บริษัทราว 3% จากปกติที่ระดับ 1%) ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวเล็กน้อยสู่ 41-42% จากระดับ 42.14% ในไตรมาสก่อน ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิราว 80-85 ลบ.หดตัว 12-16%QoQ แต่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน

•ปรับเพิ่มกำไรปี 63 และ 64 จาก 242 ลบ. และ 253 ลบ.สู่ 317 ลบ. และ 336 ลบ.เติบโต 130% และ 6% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของ COVID รอบ 2 ในยุโรป นอกจากนี้บริษัทมีการจ่ายค่า Listing fee ในประเทศแถบยุโรปเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าเพิ่มขึ้น หากกลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะปรับใช้กับภูมิภาคอื่นเพิ่มเติม ด้านต้นทุนการผลิตบริษัทได้ล็อกราคาน้ำตาล กระเทียม และพริกไว้จนถึงปลายปี 64 ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับ 40-42% ได้เช่นเดียวกับปี 63

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ XO เนื่องจากผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งมีโอกาสจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้ทั้งเงินสดจากการดำเนินงานและเงินสดจากการใช้สิทธิ์ warrant ขณะที่ยังไม่มีแผนการลงทุนใหญ่ ทั้งนี้เราคาดหวังปันผลที่ 4-5%

หุ้นมีข่าว

(-) STGT (Bloomberg Consensus 48.25 บาท) มีรายงานเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานใหม่ที่ จ. สุราษฎร์ธานี เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และติดตั้งเครื่องจักรกลทดลองเดินสายผลิตครั้งแรกเมื่อ 5 ก.พ. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต (ที่มา เดลินิวส์)

ความเห็น จากคำชี้แจงในการประชุมนักวิเคราะห์ STGT อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานเพิ่ม 2 แห่งที่สุราษฎร์ฯ (SR2 กำหนดเสร็จ 1Q21 และ SR3 กำหนดเสร็จ 2Q21) ตามข่าวบอกว่าโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้เป็นโรงงานใหม่ ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าเหตุไฟไหม้ไม่น่าจะกระทบกำลังการผลิตปัจจุบัน และเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายมากนัก การเร่งแก้ไขและคาดว่าจะทำให้มีกาลังผลิตเพิ่มได้ตามแผนในช่วงครึ่งหลังของปี หากราคาย่อลงถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้น

(+) CPN (Bloomberg Consensus 59.00 บาท) คาดผลงานปี 2564 รับผลกระทบน้อยกว่าปีก่อน กางแผนธุรกิจระยะ 5 ปี รายได้โตเฉลี่ย 10% ขึ้นไป รุกลงทุนโรงแรม-โครงการที่พักอาศัย และโอกาสเข้าซื้อกิจการ (M&A) ขณะที่ การขายสินทรัพย์เข้า REIT จะช่วยหนุนผลกำไร (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 72.00 บาท) PTTGC คาดปี 64 รายได้รวมโตกว่าปี 63 หลังมองภาวะตลาดโลกฟื้นตัว พร้อมมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม 10% หรือราว 1 ล้านตัน โชว์เงินสดในมือ 6.1 หมื่นล้านบาท รองรับการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 59.25 บาท) ตั้งเป้าอีบิทด้ามาร์จิ้นปีนี้มากกว่า 30% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 29% หลังรับรู้รายได้กำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ลั่นปี 64 จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอีกไม่น้อยกว่า 900 เมกะวัตต์ เตรียมงบปีนี้กว่า 4.5-5 หมื่นล้านบาท ลุยลงทุนในโครงการเดิมและโครงการใหม่ พร้อมแง้มสนใจเข้าร่วมโซลาร์ฟาร์มกองทัพบก แต่ขอดูความชัดเจนจากภาครัฐก่อน

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ 

22 ก.พ. ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายมาตรการของแต่ละพื้นที่
สัปดาห์ที่ 3 ก.พาณิชย์แถลงตัวเลขส่งออก-นำเข้า
สัปดาห์ที่ 4 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

1 มี.ค. วันสุดท้ายบจ.ส่งงบปี 63 กรณีไม่ส่ง Q4 (ส่งได้ภายใน 2 มี.ค.ก่อนเปิดตลาดเช้า) 1 มี.ค. วันสุดท้ายบจ.ส่งงบปี 63 กรณีไม่ส่ง Q4 (ส่งได้ภายใน 2 มี.ค.ก่อนเปิดตลาดเช้า)

ต่างประเทศ

22 ก.พ. ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR
สหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศ และดัชนีการผลิตเดือนก.พ.

23 ก.พ. จีนเปิดเผยดัชนีราคาบ้าน
           อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อ
           สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.

24 ก.พ. สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่และสต็อกน้ำมัน

25 ก.พ. อียูเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.
           สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนม.ค.