ผู้ถือหุ้น 'OR' อู้ฟู่ กำไรวันแรก62% กำเงินสดหมื่นล้านซื้อกิจการ

ผู้ถือหุ้น 'OR' อู้ฟู่ กำไรวันแรก62%  กำเงินสดหมื่นล้านซื้อกิจการ

"หุ้น OR" เทรดวันแรกราคาพุ่ง 62.50% ปิดที่ 29.25 บาท ดันมาร์เก็ตแคป แตะ 3.39 แสนล้านบาท พร้อมเข้าคำนวณในดัชนีเซ็ท 50-100 และ เอ็มเอสซีไอต่อ ผู้บริหารลั่นเดินหน้าขยายปั้มน้ำมัน ร้านกาแฟอเมซอน ดันรายได้-กำไรเติบโต กำเงินสดหมื่นล้านซื้อกิจการ

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งแรกวานนี้(11ก.พ.) ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยเปิดตลาดสามารถปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาจอง 47.22% จากราคาไอพีโอ ที่ 18 บาท และนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาซื้อขายจำนวนมากจนทำให้ระบบส่งคำสั่งซื้อขายรวนเล็กน้อย

โดยเปิดซื้อขายราคาอยู่ที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.5 บาท หรือ 47.22% จากราคาจองที่ 18 บาท ระหว่างวันราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 29.50 บาท ต่ำสุดที่ 22.10 บาท และกลับมาปิดตลาดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 11.25 บาทหรือ 62.50% มูลค่าซื้อขาย 47,360.57 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)339,592.5 ล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจจองซื้อหุ้นโออาร์ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของโออาร์ที่ต้องการกระจายหุ้นให้รายย่อยมากที่สุด และผลออกมาน่าพอใจมาก

ทั้งนี้กระแสตอบรับหุ้นโออาร์ของรายย่อยที่มีจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมได้จัดสรรหุ้นโออาร์ให้กับรายย่อย 595 ล้านหุ้น จึงได้นำหุ้นที่ได้รับคืนจาก 4 กองทุนรวม 51 ล้านหุ้น และโยกส่วนที่เหลือจากกรีนชู 243 ล้านหุ้น มาจัดสรรให้รายย่อยเพิ่มเติม รวม 889 ล้านหุ้น ที่จัดสรรให้รายย่อยในครั้งนี้

ข่าวที่น่าสนใจ ​:

สำหรับกรีนชูมีจำนวน 390 ล้านหุ้นได้นำไปจัดสรรให้กับ 2 กองทุนเพิ่มเติมแบ่งเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือกบข. จำนวน 22 ล้านหุ้น และกองทุนประกันสังคม124 ล้านหุ้นและที่เหลือ 243 ล้านหุ้น ได้โยกไปจัดสรรให้กับรายย่อยเพิ่มเติม

“ข้างหลังของกบขงและประกันสังคมมีรายย่อยเป็นล้านราย ดังนั้นจึงนำกรีนชูที่มีทั้งหมดไปจัดสรรเพิ่มอย่างทั่วถึง ดังนั้นความสำเร็จของโออาร์ในวันนี้คือการกระจายหุ้นให้รายย่อย”

 

  • รายย่อยจองซื้อ 4.8 แสนราย

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR เปิดเผยว่า พอใจกับราคาเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกของบริษัทซึ่งเกินความคาดหมาย จากนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนหุ้นของบริษัท ซึ่งการกระจายหุ้นครั้งนี้มีผู้จองซื้อถึง 5.3 แสนรายการ โดยมีนักลงทุนบุคคลจองซื้ออยู่ที่ 4.8 แสนราย เป็นนักลงทุนที่ไม่เคยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น 30% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของ OR ที่ต้องการกระจายหุ้นให้กับผู้จองซื้อแก่ประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้การเข้าจดทะเบียนของ OR ถือว่าสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตลาดทุนไทย คือ 1.เป็นหุ้นไอพีโอที่มีระยะเวลาเปิดให้จองซื้อหุ้นนานที่สุด 10 วัน 2.ผู้ลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นมากที่สุด และ 3.มูลค่าระดมทุนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่ 46,980 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

  • เดินหน้าลงทุนตามแผน

สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2564-2568) จะเปิดสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมันในประเทศไทย ปีละประมาณ 100 สาขา จาก 9 เดือน 2563 มีสาขาอยู่ที่ 1,968 สาขา และเปิดสาขาร้านคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศไทยปีละประมาณ 400 สาขาต่อปี จาก 9 เดือน 2563 อยู่ที่ 3,168 สาขา 

ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ จำนวน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป.ลาว และ ฟิลิปปินส์ มีแผนเปิดปั๊มน้ำมัน ใน 5 ปี จะเพิ่มเป็น 650 สาขา จาก 9 เดือน2563 อยู่ที่ 327 สาขา เปิดสาขาคาเฟ่ อเมซอน เพิ่มเป็น 550 สาขา จาก 9 เดือน 2563 มีจำนวน 240สาขา 

นอกจากนี้มีแผนที่จะเปิดสาขาคาเฟ่ อเมซอนในประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้จับมือกับพันธมิตรที่ประเทศโอมาน ในการเป็นเฟรนไซส์เปิดสาขาเคเฟ่ อเมซอน และที่จีน รวมถึงมีแผนมองหาโอกาสในการขยายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

  • ตั้งงบหมื่นล้านซื้อกิจการ

นางสาวจิราพร กล่าวว่า แผนการดำเนินงานข้างต้นเป็นการเติบโตแบบ Organic Growthแล้ว บริษัทมีแผนการเติบโตแบบ Inorganic Growth คือ การซื้อกิจการและควบควมกิจการ (M&A)และการร่วมลงทุน (joint venture)เพื่อให้บริษัทมีการเติบโตได้เร็ว โดยธุรกิจที่สนใจคือธุรกิจเข้ามาเสริมกับธุรกิจเดิมกับบริษัท และธุรกิจที่เกี่ยวกับและตอบโจทย์  Mobility และ ไลฟ์สไตล์

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบ M&A ในช่วง 5 ปี อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเจรจาอยู่หลายดีล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม เพราะจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารและเครื่องดืมที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ปั๊มน้ำมันของบริษัทไม่ได้ปิด และปั๊มน้ำมันของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลที่ดีกระจายใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการวันละ 3 ล้าน คน จึงทำให้มีผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มหลายรายเข้ามาเจรจากับทาง OR 

“ในช่วง 5 ปี2564-2568 บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 74,600 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ลงทุนขยายธุรกิจนอนออยล์  เพราะมีอัตรามาร์จิ้นที่สูงกว่าธุรกิจน้ำมัน แต่ธุรกิจน้ำมันของบริษัทก็ยังขยายอยู่ เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดที่สูงให้กับทางบริษัทเพื่อนำไปขยายธุรกิจนอนออยล์”

บริษัทตั้งเป้าใน 5 ปี ข้างหน้า จะมีอัตรากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (อิบิดา) ธุรกิจนอนออยล์ เพิ่มเป็น 32-33% จากเดิมอยู่ที่ 25%  ,ธุรกิจน้ำมัน 44-45% จากเดิมอยู่ที่ 68%,ธุรกิจต่างประเทศ 13% จากเดิมอยู่ที่  5-6% และ M&A 10%

  • ปันผลปีละ 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตามที่บริษัทมีแผนขยายธุรกิจดังกล่าว และบริษัทยังเน้นในการบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลงนั้นส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง จึงมองว่าหุ้นของบริษัทเป็นทั้งหุ้นที่มีการเติบโต (Growth Stock) และยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล (Dividend Stock) เพราะมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัท และกำนดจ่ายปีละ 2 ครั้ง

นางสาวจิราพร กล่าวว่า จากแนวโน้มอนาคตที่จะมีการปรับเปลี่ยนรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว โดยได้มีการเริ่มติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในปั๊มน้ำมันของบริษัทแล้วจำนวน 25 สาขา และมีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้นในอนาคตในปั๊มน้ำมันในถนนสายหลักทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยหนุนรายได้ธุรกิจนอนออยล์ของบริษัท เพราะลูกค้าจะใช้เวลาในการใช้บริการต่างๆในปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะเพิ่มหน่วยธุรกิจหรือเพิ่มแพลตฟอร์มธุรกิจเป็นอีวีแพลตฟอร์ม ที่มีศักยภาพในการเพิ่มธุรกิจอื่น

“ในการดำเนินธุรกิจนั้นต้องมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆเข้ามากระทบแต่ ด้วยที่บริษัทประกอบธุรกิจมา 40 ปี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆและสามารถรับมือได้ จึงทำให้มั่นใจว่าในอนาคตบริษัทจะมีการจัดการและบริหารความเสี่ยงต่างๆได้อย่างดี”

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ามีแผนนำกัญชง มาเป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม หรือไม่ ผู้บริหาร OR กล่าวว่า หากเรื่องดังกล่าวกฎหมายสามารถให้ทำได้ และไม่ผิดหลักของ ESG ของบริษัท ก็มีโอกาสที่บริษัทจะนำมาพัฒนาผสมกับอาหารและเครื่องดื่มของบริษัท

  • คาดเข้า SET 50 SET 100 

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษทางการเงิน OR กล่าวว่า หุ้น OR ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสที่จะเข้าคำนวณดัชนีในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์  Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะเป็นวันที่ 17 ก.พ. 2564 และมีโอกาสเข้าคำนวณดัชนีระดับโลก คือ ฟุตซี ประมาณวันที่22-23 ก.พ. และเข้า MSCI ในเดือนมี.ค. 2563 ซึ่งจะทำให้มีกองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหุ้น OR  เพิ่มขึ้น เพราะต้องลงทุนตามน้ำหนักในดัชนีดังกล่าว 

สำหรับราคาหุ้น OR วานนี้ ที่ปรับตัวสูงกว่าราคาจองได้ ซึ่งสะท้อนว่ามีนักลงทุนต้องการเข้ามาลงทุนในหุ้นของ OR จากทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับจัดสรรหุ้น หรือ ได้รับจัดสรรแล้วไม่ได้ตามที่ต้องการเข้ามาซื้อเพิ่ม รวมถึงนักลงทุนบุคคลที่ได้รับจัดสรรหุ้นไม่ได้ตามที่ต้องการเช่นกัน

  • เร่งแก้ “พันราย” หุ้นไม่เข้าพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า สาเหตุที่นักลงทุนรายย่อยที่จองซื้อหุ้น OR แต่หุ้นไม่ได้เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ว่า มีนักลงทุนรายย่อยที่มีปัญหาประมาณ 5,000 ราย กระจายในหลายๆโบรกเกอร์ แต่มีที่บล.ไทยพาณิชย์มากที่สุดราว 4,000 ราย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีพอร์ตซื้อขายหุ้นกับบล.ไทยพาณิชย์ แต่กรอกข้อมูลไม่ครบ ซึ่งได้แก้ปัญหาและได้นำเข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามอีก 1,000 ราย ไม่ได้เป็นลูกค้าของบล.ไทยพาณิชย์หรือมีพอร์ต แต่ชื่อคนจองไม่ตรงกับชื่อพอร์ต บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จึงดำเนินการเอาหุ้นเข้าพอร์ตให้ไม่ได้ นอกจากนี้ ใน 1,000 ราย หลายคนกรอกในใบจองว่า รับเป็นใบหุ้น ซึ่งก็ทำให้ซื้อขายไม่ได้เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ปัญหาของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง