“น้ำมัน”ขานรับปัจจัยบวก หนุนโอกาสราคาหุ้นฟื้นตัว

 “น้ำมัน”ขานรับปัจจัยบวก  หนุนโอกาสราคาหุ้นฟื้นตัว

สัญญาณบวกเมื่อกราฟราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาทำจุดสูงสุดของปี ที่ 57. 51ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังราคายืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมานาน   

การขึ้นในครั้งนี้มาพร้อมกับความหวัง(อีกครั้ง)เศรษฐกิจโลกถึงเวลาได้ฟื้นตัวซักที และจะดันความต้องการใช้พลังงานขึ้นมาด้วย

ย้อนกลับไปปี 2563 ราคาน้ำมันดิบลงไปติดลบในตลาดส่งมอบล่วงหน้าจากการขายของกลุ่มเฮจฟันด์ที่ถือลงทุนในสัญญาน้ำมันเทขายลงทุนออกมาแม้จะเป็นการขายแบบขาดทุนก็ยอม   เพราะไม่ต้องการรับมอบน้ำมันจริงบวกกับคลังน้ำมันทั่วโลกมีปริมาณล้นจนไม่มีที่เก็บ

ดังนั้นราคาน้ำมันดิบส่งมอบ เดือนพ.ค. ลงมาติดลบเป็นครั้งแรก ซึ่งราคาในตลาดเวสต์เท็กซัส (WTI)ปรับลดลง 11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 21 ปี และราคาในตลาดไนเม็กซ์( NYMEX) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุด ราคาน้ำมันลงมาติดลบเป็นครั้งแรกอยู่ที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจุบันการปรับตัวขึ้นในครั้งนี้ของราคาน้ำมันค่อนข้างแข็งแรงมากขึ้น  เพราะมาพร้อมกับการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชนทั้งโลกสิ้นเดือน ม.ค. 2564 นั้นมีการฉีดวัคซีนทั่วโลกรวม 100 ล้านโดส ฉีดแล้วราว 46 ล้านคน

โดยสหรัฐและสหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนจำนวนมากที่สุด ซึ่งสหรัฐได้ฉีดไปแล้วเกือบ 28 ล้านเข็มหรือโดส ตามมาด้วยประเทศจีน 23 ล้านโดส สหราชอาณาจักรเกือบ 9 ล้านโดส ส่วนอิสราเอลเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่แต่ฉีดต่อประชากร 100 คนสูงที่สุด ซึ่งฉีดไปแล้ว 4.66 ล้านเข็ม รวมทั้งหมดทั่วโลกฉีดไปแล้วเกิน 100 ล้านโดส

บวกกับการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหญ่ของสหรัฐที่จะออกมา 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีทิศทางอาจจะไม่สามารถตกลงกันได้เพราะขาดเสียงสนับสนุนในสภาสูงของสหรัฐ

ล่าสุดโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐเร่งให้รัฐสภาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่โดยเร็ว ซึ่ง สส.และสว.ได้ทำการอนุมัติ Budget Resolution เพื่อเป็นการหาข้อตกลงเพื่อให้สามารถอนุมัติออกมาเป็นร่างกฏหมายได้โดยเร็ว ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ต้องมีความเสี่ยงที่งบประมาณจะล่าช้าจากการอภิปรายกรณีมีฝ่ายเห็นต่าง

พร้อมกับนางแนนซี เพโลซี ประธานสส.เผยว่า จะสามารถอนุมัติในสส.ออกมาเป็นร่างกฏหมายได้ก่อน 15 มี.ค. ซึ่งจะพอดีกับช่วงที่มาตรการช่วยเหลือคนว่างงานสิ้นสุดลงพอดี สอดค้องกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index)อ่อนค่าลงสู่ระดับ 90.96 จุด และ พันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) 10 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ 1.18% สะท้อนคลายแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเชีย พลัส ปัจจัยจากดอลลาร์ อินเด็กซ์ (Dollar Index) ที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 15.60 % อยู่ที่ 59.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี

นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่คาดว่าสภาผู้แทนราษฎร์สหรัฐจะอนุมัติในเร็วๆนี้ หลังพรรค Democrat (ฝ่ายรัฐบาล ) เห็นชอบแล้ว

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นประเมินเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมันทั้ง บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีราคาพื้นที่ฐาน 118.00 และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีราคาพื้นฐาน 48.50

โดยยังคงแนะนำลงทุน “ซื้อ” หากพิจารณาราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันจะพบว่า Laggard ราคาน้ำมันดิบค่อนข้างมากสังเกตได้จากราคาน้ำมันดิบ Brent ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. 2564 เพิ่มขึ้นถึง 7.1 % จากช่วงเดือนก่อนหน้านี้ และตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขี้น 15.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนราคาหุ้น PTT ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. 2564 เพิ่มขึ้นเพียง 3.3% จากเดือนก่อนหน้านี้ และตั้งแต่ต้นปีกลับลดลง 8.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน บล. คันทรี กรุ๊ป มองราคาน้ำมันดิบที่ทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 1 ปี เป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมัน เช่น PTT และ PTTEP จากเม็ดเงินเข้ามาในตลาดเอเชีย