กองทุนลดภาษีโค้งท้ายส่อแผ่ว 'กรุงไทย'ชี้ เงินไหลเข้าไม่เกิน 2 หมื่นล้าน

บลจ.กรุงไทย คาดเงินไหลเข้า’กองทุนประหยัดภาษี’ โค้งสุดท้ายปีนี้ ไม่เกิน 2 หมื่นล้าน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่เข้าราว 3 หมื่นล้าน เหตุนักลงทุนสนใจลงทุนเอสเอสเอฟน้อย ส่วนใหญ่ซื้อ “อาร์เอ็มเอฟ”ประเมินทั้งปีเข้าไม่เกิน 3.6 หมื่นล้าน ด้านบลจ.แห่อัดโปรโมชั่น

นายณชัชพล สีวลีพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทประเมินเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษี (กองทุนรวมเพื่อการออม SSF, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF) ในภาพรวมช่วงเดือน ธ.ค.2563 อีกไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่จะมีเม็ดเงินไหลเข้า RMF ทุกประเภทรวมกันจะมียอดเม็ดไหลเข้าสุทธิ ราว 20,000-30,000 ล้านบาท

“คาดจะมีเม็ดเงินเข้ากองทุนประหยัดภาษีเดือนธ.ค.ปีนี้ ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ไหลเข้า RMF ประมาณกว่า 10,000 ล้านนบาท และที่เหลือเป็น SSF เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกองทุนประเภท RMF มากกว่ากองทุน SSF แม้ SSF มีหลายสินทรัพย์ให้เลือกมากขึ้น แต่มีระยะเวลาการถือครองที่มากกว่า LTF เดิม จึงไม่น่าดึงดูดความสนใจได้มากนัก

ดังนั้นจึงคาดว่าภาพรวมกองทุนลดหย่อนภาษีในปี 2563 จะมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิไม่เกิน 36,000 ล้านบาท ซึ่งยังต้องรอประเมินเม็ดเงินไหลออกในกองทุน LTF ช่วงปลายปีนี้ด้วย โดย 11 เดือนของปีนี้ (YTD) กองทุนลดหย่อนภาษี เป็นเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิ 16,340 ล้านบาท แบ่งเป็น SSF 13,119 ล้านบาท (SSF จำนวน 4,585 ล้านบาท และ SSFX จำนวน 8,534 ล้านบาท), กองทุน RMF 11,975 ล้านบาท ส่วนกองทุน LTF เป็นเงินไหลออกสุทธิ 8,664 ล้านบาท

“ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ประเทศไทย พบว่า กองทุนลดหย่อนภาษีในช่วง 5 ปีย้อนหลัง มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิทั้งสิ้นในปี 2558 จำนวน 55,354.51 ล้านบาท, ปี 2559 จำนวน 40,168.43 ล้านบาท, ปี 2560 จำนวน 33,474.08 ล้านบาท, ปี 2561 จำนวน 56,349.98 ล้านบาท และปี 2562 จำนวน 53,178.39 ล้านบาท”

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเสนอขาย IPO กอง RMF ใหม่ 1 กองทุน คือ KTAM China A Share RMF และคิดค่าธรรมเนียมการจัดการ 0% ไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ.ปี 2564 ให้อีกด้วย

นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย กล่าวว่า กองทุนลดหย่อนภาษีในปีนี้ บริษัทประเมินว่า น่าจะสามารถทำได้ตามเป้า จากสภาวะการลงทุนที่ทำให้นักลงทุน Search for Yield ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่ายังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกอย่างน้อยถึงปีหน้า และสภาพคล่องที่ล้นระบบ อีกทั้ง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีอยู่หลังจากไม่สามารถใช้กองทุน LTF เพื่อลดหย่อนได้แล้ว ขณะที่ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทมีโปรโมชั่นพิเศษผู้ที่ลงทุนในกองทุน SSF และ RMF ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2563-30 ธ.ค. 2563 โดยยอดลงทุนสุทธิทุก 50,000 บาท รับ Cash Back 100 บาท (สูงสุด 1,000 บาทต่อท่าน)

สำหรับเดือนธ.ค.นี้บริษัทคาดว่ามียอดซื้อกองทุน RMF ราว 4 พันล้านบาท และกองทุน SSF อีกราว 2 พันล้านบาท จากช่วง 11 เดือนนี้ มียอดซื้อกองทุน RMF ทั้งสิ้น 4.59 พันล้านบาทและกองทุน SSF ไม่รวม SSFX ราว 555.3 ล้านบาท มากที่สุดในอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมมีกองทุนSSF มาอยู่ที่ 2.17 พันล้านบาท

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า บริษัทมีแคมเปญช่วงนี้สำหรับการลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF (ยกเว้นประเภทตราสารหนี้) และต้องถือครองหน่วยลงทุนภายในช่วงเวลาส่งเสริมการขายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค.2563 เท่านั้น จะได้รับหน่วยลงทุน SCBSFF หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ คืนสูงสุด 1,000 บาท

นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในขณะที่กองทุน RMF ยังถือว่ามีเม็ดเงินไหลเข้าในระดับปกติจากเงื่อนไขการลงทุนต่อเนื่อง (แต่ไม่มีขั้นต่ำ) แต่โดยรวมเป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นต่างประเทศมากขึ้นจากสภาพตลาดหุ้นต่างประเทศมีผลตอบแทนที่ดีกว่า