บวกต่อ มีโอกาสทดสอบ 1,400 จุด

บวกต่อ มีโอกาสทดสอบ 1,400 จุด

ลดพอร์ตเทรดดิ้งในช่วงที่ตลาดปรับขึ้น/หรือหากได้ลดพอร์ตไปแล้ว แนะนำให้ชะลอการลงทุนรอดูสถานการณ์

มุมมอง SET Index: ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีฯ วันจันทร์ปรับขึ้นต่อ แรงผลักขึ้นจากฟันด์โฟลว์แรงกว่าที่เราคาด... หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หุ้นไทยแรลลี่โดดเด่น นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่ง valuations ยังอยู่ในระดับต่ำมาก และได้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 ฟื้นตัว... ขณะที่ในวันนี้ เรามองว่า
พัฒนาการของวัคซีน COVID-19 รวมทั้งมาตรการสกัดกั้นเงินบาทแข็งจากทาง ธปท. ไม่รุนแรง น่าจะหนุนให้แรงซื้อต่างชาติยังสนับสนุน SET Index ทดสอบระดับทางจิตวิทยาที่ 1,400 จุดได้... อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าความผันผวนของดัชนีฯ จะสูงขึ้นเป็นลำดับ หลังจากดัชนีฯ ปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายปี 2563 ที่เรามองไว้ที่ 1,360 จุดไปพอสมควรแล้ว เราจึงคงแนะนำ ให้ลดพอร์ตเทรดดิ้งในช่วงที่ตลาดปรับขึ้น/หรือหากได้ลดพอร์ตไปแล้ว แนะนำให้ชะลอการลงทุนรอดูสถานการณ์

ปัจจัยต่างประเทศ - เป็นบวก: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทาง Pfizer-BioNTech ได้ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนฉุกเฉินกับทาง FDA แล้ว และในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าทาง Moderna Inc. จะทำการยื่นขออนุมัติฯเช่นเดียวกัน ซึ่งประเด็นข่าวของวัคซีนนี้น่าจะลบล้างตัวเลขติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งยังคงรุนแรงทั่วโลก ขณะที่ในช่วงบ่าย ตัวเลข flash PMI เดือน พ.ย. ของยูโรโซนจะรายงานออกมา ซึ่งน่าจะอ่อนตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในส่วนของภาคบริการ ตามผลกระทบของการล็อกดาวน์ในยุโรป อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้

ปัจจัยในประเทศ - เป็นบวกเล็กน้อย: ก.พาณิชย์จะรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือน ต.ค. ในวันนี้.. consensus คาดว่ามูลค่าส่งออกจะลดลง 5.0% YoY เทียบกับการลดลง 3.86% YoY ในเดือนก.ย. ในส่วนของการเมืองภายในประเทศ ตลาดกำลังติดตามการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ซึ่งมี
กำหนดครั้งถัดไปในวันที่ 25 พ.ย.

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร EPG*, WHA*

- EPG* (เป้า Consensus 7.06 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.5 บาท (Trailing stop 5.8 บาท) 2) จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นบวก i) ยอดขายธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ที่ออสเตรเลียเริ่มฟื้นตัวเด่น (หลังจากที่ถ่วงผลการดำเนินงานมาตลอด) ii) อัตราการใช้กำลังการผลิตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดพ้นจุดต่ำสุดหลังการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว iii) แนวโน้มต้นทุนเม็ดพลาสติกยังตํ่าต่อเนื่อง 3) ประเมินรับอานิสงส์จากการที่ ธปท. เตรียมใช้มาตรการสกัดบาทแข็ง 4) PE ปีหน้าจะลดลงเหลือ 16.5 เท่า จากปีนี้ที่ 20 เท่า ตามการคาดหวังการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ... ข้อมูล Bloomberg consensus

- WHA* (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.88 บาท / แนวต้าน 3.0 - 3.10 บาท (Trailing stop 2.7 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) ประเด็นเรื่องการลงนามข้อตกลง RCEP (บวกต่อการลงทุนและโลจิสติกส์) ii) ประเด็นเรื่องวัคซีนโควิด-19 ที่จะช่วยปลดล็อคทั้งการเดินทางเจรจา
ระหว่างประเทศและการฟื้นตัวเศรษฐกิจ 3) คาด 4Q63 จะรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT และแนวโน้มประมาณการฯปี 2564 มี Upside หากประเด็นเรื่องโควิด-19 คลี่คลายได้เร็ว 4) PE ปีหน้า จะลดลงเหลือ 14.4 เท่า จากปีนี้ที่ 17.5 เท่า ตามการคาดหวังการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ... ข้อมูล Bloomberg consensus

หุ้นมีข่าว

(+) SEAFCO ชูพันธมิตร RT รุกรับงานต่างประเทศ (ทันหุ้น) SEAFCO ผนึกกำลัง RT เล็งรับงานประเทศเพื่อนบ้าน อัพฐานการเติบโตต่างแดน มั่นใจรักษางานในมือสิ้นปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท โบรกชี้รถไฟฟ้าสายสีส้มรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นความหวังต่องานใหม่คาดมีงานฐานรากรวมกันไม่ต่ำกว่า 2.7 พันล้านบาท ช่วยเพิ่มงานในมือและผลประกอบการในอนาคต

(+) SAMART รับอื้อ 619 ล. ขาย OTO บุ๊กไตรมาส 4 (ทันหุ้น) SAMART แจ้งขาย OTO หมดพอร์ตให้ 3 นักลงทุน ราคา 2.40 บาท รับทรัพย์มูลค่า 464.88 ล้านบาท พร้อมปันผลอีก 154.96 ล้านบาท รวม 619.84 ล้านบาท บุ๊กไตรมาส 4 ดันงบโดด ระบุเป็นการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ เพื่อหันเน้นธุรกิจหลักพร้อมนำเงินเป็นทุนหมุนเวียนต่อยอด และลดหนี้

(+) THIP ซื้อเครื่องจักรอัพผลิต บุกฐานส่งออก-ออเดอร์จ่อ (ทันหุ้น) THIP วางหมากปี 2564 รายได้โตไม่ตํ่ากว่า 10% จากปี 2563 รับพอร์ตลูกค้าขยายตัวบุกฐานตลาดส่งออก บิ๊ก "เดชบดินทร์ เหรียญทรัพย์ดี" เดินหน้าซื้อเครื่องจักรใหม่ อัพกำลังการผลิต ปูทางโกยเงินเพิ่ม แถมส้มหล่น! รับเงินบาทแข็งค่า หนุนต้นทุนการนำเข้าลดลง

(+) JAS ควักกำไรสะสม จ่ายปันผล 0.20 บาท (ข่าวหุ้น) บอร์ด JAS ไฟเขียวควักกำไรสะสมมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดแขวน XD ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้  และจ่ายปันผลในวันที่ 18 ธ.ค. 63 ขณะที่ปิดงบเดี่ยวไตรมาส 3/63 โชว์กำไรสะสม 2,786.47 ล้านบาท