CKP - ซื้อ

CKP - ซื้อ

เตรียมเข้าเกียร์สูง

คาดว่ากำไร 3Q20F จะเติบโตก้าวกระโดด 28 เท่า yoy สู่ระดับ 970ลบ. ได้รับแรงหนุนจาก (1) กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น (equity capacity) ใหม่ 459 MW ของโรงไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี (XPCL), (2) ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น สำหรับปีหน้าเราคาดว่าปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยจากภาวะ La Niña รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) ที่วางแผนสำรองน้ำสำหรับผลิตไฟฟ้าปีหน้า ปรับเพิ่มคำแนะนำ เป็น ซื้อ จาก ถือ พร้อมคงราคาเป้าหมายเดิมที่ 5.25 บาทต่อหุ้น

 

คาดกำไรสุทธิ 3Q20F จะอยู่ที่ 970 ลบ. เติบโต 28 เท่า yoy

หนุนโดย (1) กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น (equity capacity) ใหม่ 459 MW ของโรงไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี (XPCL), (2) ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา XPCL ผลิตไฟฟ้าได้ 2,314 GWh (เทียบเท่าอัตราการใช้ผลิต 86%) เพิ่มขึ้น 72%qoq โดย XPCL จะสร้างกำไรราว 863 ลบ. เทียบกับขาดทุน 88 ลบ. ใน 2Q20 และ BIC ผลิตไฟฟ้า 399 GWh (-2% yoy, +1%qoq) ขณะที่โรงไฟฟ้าเขื่อนน้ำงึม 2  (NN2) ผลิตไฟฟ้าได้ 405 GWh (+35%yoy, +93%qoq) ซึ่งใกล้เคียงกับระดับคุ้มทุนที่ 420 GWh

 

คาดว่าปริมาณน้ำฝนในปีหน้าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย

จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าความน่าจะเป็นในการเกิดภาวะ La Niña สูงขึ้น สภาพอากาศล่าสุดจะยังคงเป็นภาวะ La Niña จนกระทั้ง ม.ค. 2021 และมีความน่าจะเป็น 60% ในการเกิดภาวะ La Niña จาก ก.พ. จนถึง เม.ย. ดังนั้นเราคาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนในปีหน้าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเข้าเขื่อนและการผลิตไฟฟ้าในทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ NN2 และ XPCL

 

ต้นทุนทางการเงินของโครงการ XPCL จะลดลงในสามปี

CKP วางแผนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยของโครงการ XPCL จาก 6.5% สู่ระดับ 3.5% แต่บริษัทต้องรอผลประกอบการในปี FY21Y ก่อนเพิ่อให้มีข้อมูลมากพอที่จะออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์

 

ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ และคงราคาเป้าหมายที่ 5.25 บาทต่อหุ้น

ราคาหุ้นได้ลดลงอย่างมากตามการขายทำกำไรในหุ้นโรงไฟฟ้า ซึ่งทำให้ CKP มี Upside มากกว่า 20% นอกจากนี้กำไรปี FY21F มีแนวโน้มจะเติบโตดีไปพร้อมกับความน่าจะเป็นในการเกิดภาวะ La Niña