SVI - ถือ

Event

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ใน 3Q63 จะอยู่ที่ 132 ล้านบาท (+25% YoY แต่ -19% QoQ) จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักใน 9M63 อยู่ที่ 362 ล้านบาท (-8% YoY) คิดเป็น 78%ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

ยอดขายยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

เราคาดว่ายอดขายของ SVI ใน 3Q63 จะอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท (+12% YoY และ +2% QoQ) ซึ่งจะทำให้ยอดขายใน 9M63 อยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท (-1% YoY) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนยอดขายใน 3Q63 จะอยู่ที่ 136 ล้านเหรียญ (+10% YoY และ +3% QoQ) เนื่องจากมีคำสั่งใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าใหม่ (เกี่ยวกับป้ายราคาขาย และคิดเป็นประมาณ 10-15% ของยอดขายรวม) ส่งผลให้ยอดขายใน 9M63 อยู่ที่ 372 ล้านดอลลาร์ (-2% YoY) และคิดเป็น 78% ของประมาณการ 2563 ของเรา (478 ล้านดอลลาร์) และคิดเป็น 72% ของเป้าของบริษัท (520 ล้านดอลลาร์)

อัตรากำไรขั้นต้นยังดีอยู่

เราคาดว่า GPM ใน 3Q63 จะอยู่ที่ 8.1% (+0.9ppts YoY แต่ -0.1ppts QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน 9M63 อยู่ที่ 8.4% (+1.5ppts YoY) สูงกว่าสมมติฐานปี นี้ของเราที่ 8.3% โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น YoY เป็นเพราะยอดขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้น (จาก 30.70 บาท/US$ ใน 3Q62 เป็น 31.30 บาท/US$ ใน 3Q63) ในขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง QoQ เป็นเพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย (จาก 31.5/US$ ใน 2Q63)

ยอดขายที่แข็งแกร่งทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-64 ขึ้นอีก 9-23%

ผลประกอบการในไตรมาสที่สี่อาจจะแผ่วลงเล็กน้อย QoQ จากยอดขายที่คาดว่าจะลดลงตามฤดูกาล แต่ก็น่าจะยังโตได้ YoY จากฐานที่ต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ยอดคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และผลกระทบจากมาตรการ lockdown ทั่วโลกที่ลดลงก็ทำให้เราปรับเพิ่มสมมติฐานยอดขายปี 2563-64 ขึ้นอีก 5-19%
ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-64 ขึ้นอีก ~9-23%

Valuation & Action

จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งทำให้เราปรับเพิ่ม PER จาก 16.5X เป็น 17.0X (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +0.75 S.D.) และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 จากเดิม 3.80 บาท เป็น 4.80 บาท ถึงแม้ว่าเราจะใช้ประเมินยอดขาย และประเมินราคาหุ้นโดยใช้สมมติฐานด้านบวกอย่างมากแล้ว แต่ราคาเป้าหมายใหม่ของเราก็ยังมี downside จากราคาปิดล่าสุดอีก 5% ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น วัตถุดิบขาดแคลน เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ที่ 31.90 บาท/US$) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบสินค้า