สคฝ.เล็งเพิ่มคุ้มครองอีมันนี่

สคฝ.เล็งเพิ่มคุ้มครองอีมันนี่

สคฝ.เผย​ มีแผนคุ้มครองเงินในe-wallet คาดได้ข้อสรุปต้นปีหน้า เบื้องต้นจะคุ้มครองรวมกับเงินฝากในบัญชีรวมแล้วต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท ระบุ​ ขณะนี้​ พบการใช้จ่ายด้วย e-money เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก(สคฝ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สคฝ.อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการขยายการคุ้มครองเงินฝากไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-wallet) ต่างๆ ที่ได้รับการอนุญาตเปิดกิจการตามกฎหมายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาทิ True Money Wallet, บัตรเติมเงิน SCB VIRTUAL Prepaid Card, บัตร PLANET SCB, mPAY Wallet, e-Money, Rabbit LINE Pay และ M-PASS เป็นต้น คาดจะได้ข้อสรุป ดังกล่าวในช่วงต้นปี 2564

เขากล่าวว่า​ เหตุที่เราศึกษาขยายการคุ้มครองเป็นเพราะพบข้อมูลการขยายตัวของการใช้บริการทางการเงินผ่าน e-wallet เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้ฝากเงินทั้งหมด ที่นับรวมกับคนต่างประเทศและนิติบุคคลจำนวน 80 ล้านบัญชี คิดเป็นเงินรวม 14 ล้านล้านบาท นั้น มีการใช้จ่ายด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-money) ผ่าน e-wallet กว่า 40 ล้านบัญชี และ ณ เดือนมิ.ย. มีการเติมเงินที่เติมเงินใช้จ่ายแล้ว 25,700 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ยังไม่ได้นับรวมการใช้ e-money ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และแอพลิเคชันเป๋าตัง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของรัฐบาล สะท้อนว่ามีการการเติบโตของการใช้ e-money มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้​ การใช้งาน e-money ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการลดสาขาธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยจากปี 2558 ธนาคารมีสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 7,000 สาขา ขณะที่ปี 2562 ลดลงเหลือเพียง 5,000 สาขา ฉะนั้น โอกาสในการเติบโตของ e-money จึงมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสโตได้สูงถึง 50-60 ล้านบัญชี ขณะเดียวกันการเกิดโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้จ่ายด้วยเงินสดของประชาชนเปลี่ยนไป เช่น บางคนซื้ออุปกรณ์ค่าเชื้อโรคบนพันธบัตรและเงินเหรียญ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดปัจจัยสนับสนุนเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราควรให้ความเชื่อมั่นกับคนกลุ่มนี้ด้วยว่าเงินที่ใส่ลงไปใน e-wallet นั้นจะได้รับการดูแลด้วย”นายทรงพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม​ แนวทางการคุ้มครองนั้น สคฝ.จะศึกษาจากหลายๆ ประเทศ ซึ่งพบว่ามีอยู่ 2 ประเทศที่น่าสนใจ คือ ไต้หวันและแอฟริกา โดยแนวทางของไต้หวันนั้น จะเป็นการคุ้มครองเงินฝาก ที่บริษัท e-money จะต้องระบุธนาคารที่จะนำเงินที่ได้รับฝากจากผู้ใช้บริการไปฝากไว้ที่ใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนหากสถาบันการเงินดังกล่าวมีปัญหา ก็จะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมมาถึง e-money นั้นๆ ด้วย และของแอฟริกานั้น จะทำการคุ้มครอง e-money โดยอัตโนมัติ เพราะแอฟริกามีสาขาสถาบันการเงินน้อย และประชาชนยังเข้าถึงสถาบันการเงินไม่มาก ซึ่งในเบื้องต้น สคฝ.อาจจะใช้แนวทางของประเทศไต้หวันเป็นต้นแบบในการคุ้มครองเงินฝาก e-money ได้

ขณะเดียวกัน ในเบื้องต้นการคุ้มครองนั้น จะคุ้มครองระหว่างการฝากเงินสดในบัญชีของสถาบันการเงินปกติ และบัญชี e-money รวมกันในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ต่อบัญชีต่อธนาคาร ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในปัจจุบัน แต่ในปีหน้าคือตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2564 เป็นต้นไป จะปรับลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท ต่อบัญชีต่อธนาคาร โดยขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขยายการคุ้มครองที่ 5 ล้านบาท ต่อบัญชีต่อธนาคารออกไปอีก