MAKRO - ถือ

MAKRO - ถือ

ยังคงได้รับผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ผลการดำเนินงานดีขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการ lockdown

หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown จนเกือบสมบูรณ์แล้วในเดือนมิถุนายน ก็พบว่า SSSG ดีขึ้น โดย SSSG เป็นบวกเล็กน้อย (ในช่วงประมาณ 2-3%) ในเดือนกรกฎาคม (จาก -3.6%% ใน 2Q63 และ +1.7% ใน 1H63) ซึ่งเป็นเพราะลูกค้าของ MAKRO มีการกระจายตัวดี ซึ่งเมื่อแบ่งตามกลุ่มลูกค้า พบว่า SSSG ของกลุ่ม HORECA (~30% ของยอดขายรวมในปี 2562) และกลุ่มบริการ (ประมาณ 10%ของยอดขายรวมในปี 2562) ยังติดลบ แต่ติดลบในอัตราที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่า SSSG ใน 2H63 อาจจะเป็นบวกได้ยากเพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นกลุ่มที่ช่วยหนุนกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ที่เป็นบวกใน 1H63 จะถูกหักล้างไปโดย SSSG ที่อ่อนแอใน 2H63 ดังนั้น เราจึงยังคงสมมติฐาน SSSG ปีนี้ที่ 0.5% และปี 2564 ที่ 2.5% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่หนึ่งแห่งในรูปแบบขนาดเล็กใน 2H63 ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 144 สาขา (137 แห่งในประเทศไทย และอีก 7 แห่งในต่างประเทศ)

ผลการดำเนินงานในต่างประเทศดีขึ้น

ผลการดำเนินงานของสาขาในต่างประเทศออกมาดีในช่วงที่ Covid-19 ระบาด เพราะลูกค้ามองหาสินค้าที่สะอาดและมีคุณภาพ โดยยอดขายของสาขาในต่างประเทศใน 1H63 อยู่ที่ ~3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 50% YoY (จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 7 สาขาใน 2Q63 จาก 5 สาขาใน 2Q62) เราคาดว่าธุรกิจในต่างประเทศอาจจะถึงจุดคุ้มทุนได้ใน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับแผนการขยายสาขา (ซึ่งยังถูกจำกัดโดยสถานการณ์โรคระบาด) ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มฐานลูกค้าเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้ กิจการในต่างประเทศยังคงส่งผลขาดทุนสุทธิมาที่ MAKRO ประมาณ 200 ล้านบาทใน 2Q63 ใกล้เคียงกับใน 1Q63

คงประมาณการกำไรปี 2563-64 เอาไว้เท่าเดิม

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการ 2Q63 ดีเกินคาดคือการคุมต้นทุน โดยบริษัทจะยังคงดำเนินโครงการคุมต้นทุนต่อไปใน 2H63 แต่เราคาดว่าอานิสงส์จะไม่มากเท่าเดิม เรายังคงประมาณการกำไรปี 2563-64 เอาไว้ที่ 6.3 พันล้านบาท (+0.5% YoY) และ 6.7 พันล้านบาท (+7.5% YoY) เราคิดว่าผลกระทบจากการที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาจะถูกชดเชยไปบางส่วนโดยลูกค้ากลุ่มอื่นของ MAKRO

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ MAKRO และให้ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2564 ที่ 39.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.2% R(f) ที่ 3.1% และ LT-growth ที่ 2.0%

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ราคาพืชผลตกต่ำ ขยายสาขาได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ วัฒนธรรมการบริโภค ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ