'ไมเนอร์' พ้นจุดต่ำสุด มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้น!

'ไมเนอร์' พ้นจุดต่ำสุด  มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้น!

“ไมเนอร์” มั่นใจผลดำเนินงานครึ่งปีหลังฟื้น หลังธุรกิจพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนพ.ค. เผยยังคงเดินหน้าลดต้นทุน หั่นงบลงทุนราว 30% เน้นเฉพาะโครงการที่จำเป็น หวังถึงจุดคุ้มทุนเร็วขึ้น ขณะ เงินสดยังปึ๊กกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเชื่อว่าภาพรวมของธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ไปแล้ว ประกอบกับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารเริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มมากขึ้นว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 30,224 ล้านบาท และมีผลขาดทุนน้อยลง

สำหรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่าธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะมุ่งเน้นไปในกลุ่มนักท่องเที่ยวภายในประเทศของแต่ละประเทศ เพราะเชื่อว่าหากมีการคลายล็อกดาวน์จะทำให้ความต้องการในประเทศกลับมาก่อน รวมถึงคาดว่าการผลักดันเรื่อง Travel Bubble หรือการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความมั่นใจในความปลอดภัยของโควิด-19 ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ส่วนธุรกิจอาหารคาดว่าจะเริ่มเห็นการเติบโตของร้านอาหารที่นั่งทานในร้านมากขึ้น แต่รายได้จากบริการดิลิเวอรี่คงจะปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตามคาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 3ปี2563 เป็นต้นไป ขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ยังมีการเติบโตดีโดยเฉพาะยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาขาย จึงทำให้สามารถพยุงยอดขายไปได้

นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังเดินหน้าลดต้นทุนต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลทำให้สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงไปได้แล้วกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมตัดงบลงทุนลงปีนี้ลง 30% หรือประมาณ 7,000-10,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนในโครงการที่มีความจำเป็นและไม่มีการลงทุนในโครงการใหม่ๆ โดยมองว่าการลดต้นทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น โดยในส่วนธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนจากอัตราการเข้าพักที่ระดับ 30-40% จากเดิมที่ระดับ 50-60% และส่วนธุรกิจอาหาร คาดจุดคุ้มทุนของยอดขายลดลงมาที่ระดับ 69% จากเดิมที่ระดับ 80%

สำหรับสภาพคล่องทางการเงินปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือกว่า 36,000 ล้านบาท และมีวงเงินรอเบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกประมาณ 26,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้มีสภาพคล่องสูงถึง 60,000 ล้านบาท โดยเพียงพอใช้ในการดำเนินธุรกิจและการใช้คืนหนี้ โดยในครึ่งปีหลังปีนี้บริษัทมีกำหนดคืนหนี้ระยะยาวที่มีอยู่ 3,500 ล้านบาท และครึ่งปีแรกของปี 2564 จะมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอีก 4,000 ล้านบาท