‘แกร็บไฟแนนซ์’ ปรับแผนสู้โควิด รุกปล่อยกู้ ‘รถเข็นขายอาหาร’

‘แกร็บไฟแนนซ์’ ปรับแผนสู้โควิด รุกปล่อยกู้ ‘รถเข็นขายอาหาร’

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ หยุดชะงักลง ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจเป็นวงกว้าง ทำให้ทุกภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในส่วนของ “แกร๊บไฟแนนเชียลกรุ๊ป” ยอมรับว่า พิษโควิด-19

“วรฉัตร ลักขณาโรจน์” กรรมการผู้จัดการ แกร็บไฟแนนเชียลกรุ๊ป ประเทศไทย  ประเมินว่า ช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์ต่างๆ น่าจะเริ่มดีขึ้น โดยบริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์สำหรับ “แกร็บไฟแนนซ์”  โดยเตรียมขยายสินเชื่อร้านอาหารที่เป็นพาร์ทเนอร์ของแกร็บฟู้ด เน้นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีผู้ประกอบการรายเดียว (MSME) ที่มีอยู่จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น ร้านอาหารห้องแถว รถเข็นขายอาหาร ซึ่งจะปรับรูปแบบสินเชื่อเอสเอ็มอีที่วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่สูงถึงหลักล้านบาทและผ่อนชำระแบบรายวันได้ 

สำหรับการพิจารณาให้สินเชื่อจะปรับตามความเหมาะสมของรายได้และพฤติกรรมของพาร์ทเนอร์แต่ละราย เพื่อช่วยเหลือพาร์ทเนอร์กลุ่มนี้ที่อาจมีความจำเป็นต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนแต่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ และไม่ต้องไปหาสินเชื่อนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูง

วรฉัตร บอกด้วยว่า  หลังจากเริ่มทดลองปล่อยสินเชื่อให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ขับรถเมื่อปลายปีก่อน มียอดสินเชื่อราว500ล้านบาท แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดสินเชื่อช่วงไตรมาส 2 ชะลอลง โดยหันมาช่วยเหลือพักชำระหนี้ให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ขับรถแทน

ส่วนการช่วยเหลือพักชำระหนี้ให้กับผู้ขับที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวนทั้งสิ้น 20,000 ราย เป็นวงเงินสินเชื่อราว 300 ล้านบาท และในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิ.ย.มานี้จากการคลายล็อกดาวน์มีสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้ในกลุ่มนี้กลับมาชำระหนี้ได้ปกติแล้วกว่า 70% ที่เหลืออีก30% มีวงเงินสินเชื่อราว 50-60 ล้านบาท ซึ่งยังคงพักชำระหนี้อยู่ โดยในช่วงเดือนต.ค.นี้ ยังต้องติดตามกลุ่มนี้ว่าจะกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)หรือไม่ หากในกลุ่มนี้ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือมีรายได้ลดลง บริษัทมีแผนที่จะปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่กลุ่มนี้ต่อไปคาดว่าจะไม่เกิด NPLในปีนี้มากนัก

“ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์เราได้ติดตามข้อมูลของคนขับ และพบว่ามีจำนวนหนึ่งที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เมื่อเราเห็นปริมาณการใช้งานบนแอพพลิเคชันเพิ่มขึ้น จึงได้สื่อสารกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชิญชวนให้กลับมาทำงานและมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยกลุ่มผู้ขับสองล้อ เริ่มกลับมามีรายได้เท่าช่วงเดือนม.คแล้ว และสามารถกลับมาชำระหนี้รายวันเฉลี่ยไม่เกิน200บาทต่อวันได้แล้ว ส่วนที่พักชำระหนี้อยู่ตอนนี้เป็นกลุ่มสี่ล้อ ซึ่งก็มีโอกาสเป็นหนี้เสียได้ แต่ไม่น่ากังวล เพราะวงเงินที่เหลือไม่มากและบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้100%ไว้แล้ว”

นอกจากนี้บริษัท เตรียมเปิดตัว “แกร็บอินชัวร์” ในช่วงไตรมาส3 โดยจะเน้นออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบใหม่จ่ายเบี้ยไม่แพงและจ่ายเบี้ยรายวัน ให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ขับและร้านอาหาร เช่น รายได้จากการขับส่งในแต่ละวันสามารถแบ่งจ่ายเบี้ยประกันให้ลูกได้ รวมถึงการนำเสนอประกันการขนส่งสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีการส่งของเป็นจำนวนมากอีกด้วย ปัจจุบันพันธมิตรด้านประกันในปัจจุบันของแกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในระดับภูมิภาคคือ จงอัน ของจีน และชับบ์ ของสหรัฐ และพันธมิตรในประเทศไทยคือ เมืองประกันชีวิต และซันเดย์

วรฉัตร บอกด้วยว่า บริษัทยังมุ่งขยายฐานผู้ใช้งานการชำระเงินผ่าน “แกร็บเพย์” ในพื้นที่ต่างหวัดมากขึ้น โดยจะเปิดให้สมัครใช้แกร็บเพย์ได้จากทุกธนาคารและจัดแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่เฉพาะจังหวัดหรือภูมิภาคให้ข้ามมาชำระเงินผ่านวอลเล็ตแทนการใช้บัตรเครดิต หลังจากช่วงโควิด-19 ทำให้ธุรกรรมผ่านแกร็บเพย์วอลเล็ตเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด มีสัดส่วนธุรกรรมแบบไร้เงินสด (รวมทั้งวอลเล็ต บัตรเครดิตและบัตรเดบิต) เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50% ของธุรกรรมทั้งหมดบนแพลตฟอร์มแกร็บ และคาดว่าจะถึง80%ในปีหน้าผ่านกลยุทธ์นี้