ปัจจัยภายนอกหนุน

ปัจจัยภายนอกหนุน

ความผันผวนในระหว่างวันหลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องราว 5 หมื่นราย/วัน ส่งผลให้บางรัฐต้องระงับแผนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลง

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

Set Index วันก่อน -1.86 จุด (-0.14%) ปิดที่ระดับ 1,372 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.1 หมื่นล้านบาท นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนจากการระบาดของไวรัส Covid-19  หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐและทั่วโลกยังเร่งตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 384  ล้านบาท  และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 10 ล้านบาท แต่ Net TFEX SET50  -7,124  สัญญา 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,385 – 1,400 จุด ตามความคาดหวังภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐ จีน และยูโรโซน จะฟื้นตัวขึ้นเป็น V shape หลังผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ซึ่งสะท้อนได้จากตัวเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นชัดเจนโดยดัชนีภาคบริการของสหรัฐเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ยอดค้าปลีกของยูโรโซนเดือนพ.ค. +17.8% MoM รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 58.4 เป็นแรงหนุนต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรความผันผวนในระหว่างวันหลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องราว 5 หมื่นราย/วัน ส่งผลให้บางรัฐต้องระงับแผนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA, RCL, AMA, PRM) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
  • MINT, CENTEL, ERW, AOT, AAV อานิสงส์ครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น (TOP, PTTGC, SPRC, BGRIM, CKP, TASCO, STA, SPALI)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • SPRC (ปิด 7.05 ซื้อ/เป้า 8 บาท) คาดผลประกอบการ 2Q20 พลิกมีกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านบาท เทียบกับที่ขาดทุนสุทธิ 8.3 พันล้านบาทใน 1Q10 จาก 1) คาดค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 4$/bbl จาก 1.3$/bbl ใน 1Q20 จากการลดการผลิตน้ำมันอากาศยานที่มาร์จิ้นต่ำและผลิตน้ำมันเบนซีนและดีเซลทดแทน และ 2) คาดมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบประมาณ 4.2 พันล้านบาทหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 20$/bbl ใน 1Q20 เป็น 40$/bbl ใน 2Q20
  • MTC (ปิด 55 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 69) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เฟส 2 ของแบงก์ชาติไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการของ MTC ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวในวงจำกัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ MTC คิดจากลูกอยู่ที่ระดับ 21% ซึ่งต่ำกว่าเพดานที่แบงก์ชาติกำหนดไว้ที่ 24% อยู่แล้ว ส่วนแผนขยายสาขายังคงเดิมที่ 600 สาขาต่อปี

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (60.25 ถือ/เป้า 60), TU (13.1 ซื้อ/เป้า 15.3)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ตลาดหุ้นทั่วโลกบวกแรง นักลงทุนมองข้ามการระบาดของไวรัส Covid-19 และมีความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัว: วานนี้ตลาดหุ้นบ้านเราปิดทำการเนื่องในวันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชา แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเปิดทำการปกติและส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเชี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนเพิ่มขึ้น 5.7%, ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น 1.5-2% และ ตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 460 จุด หรือ 1.78% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก (จีน ยุโรป และสหรัฐ) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.ออกมาดี โดยเฉพาะดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 สะท้อนการผลิตและการบริการของจีนและสหรัฐกลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดหวังว่ารัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกจะขยายเวลามาตรการเยียวยาผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 ออกไป และเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม
  • (+/-) Preview งบ 2Q20 ภาพรวม (YoY) ยังไม่ดี แต่ตลาดรับรู้ไปแล้ว: จากการคาดการณ์ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนของ Bloomberg consensus ใน 2Q20 เบื้องต้น (62 บริษัท) คาดมีกำไรสุทธิรวม 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 117%qoq แต่หดตัว 57%yoy กำไรที่กลับมาฟื้นตัว QoQ หลักๆมาจากการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มวัฏจักร คือ น้ำมัน โรงกลั่น (PTT, TOP, IRPC), ปิโตรเคมี (PTTGC) และอาหาร (CPF) ซึ่งไตรมาสนี้คาดว่าจะพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งขาดทุนจากรายการดังกล่าว อย่างไรก็ตามกลุ่มอื่นๆกำไรยังมีแนวโน้มชะลอตัวโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติ Covid-19 โดยเฉพาะจากมาตรการ lockdown อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และกลุ่มที่ได้รับ side effect อาทิ  ธนาคาร , สื่อสาร, ค้าปลีก, อสังหาฯ และ โรงพยาบาล อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดรับรู้ปัจจัยนี้ไปแล้ว และคาดว่า downside จากการลดคาดการณ์ EPS ของตลาดในปีนี้จะเริ่มจำกัด (1H20 Consensus ลดคาดการณ์ EPS ของตลาดลงต่อเนื่อง โดยลดคาดการณ์ปีนี้และปีหน้าลงประมาณ 32% และ 21% ตามลำดับ)
  • (+/-) สัปดาห์นี้ติดตาม ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ ช็อบช่วยชาติ และการท่องเที่ยว: สัปดาห์ที่ผ่านมา นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มเติม เราคาดว่ามาตรการต่างๆน่าจะเริ่มเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ อาทิ โครงการช็อปช่วยชาติ และ การท่องเที่ยวในประเทศ โดยครั้งนี้คาดว่าจะเป็นมาตรการที่เน้นกระตุ้นให้กลุ่มผู้มีกำลังซื้อออกมาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น หากทั้ง 2 มาตรการได้รับความเห็นชอบจาก ครม. จะส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ ค้าปลีก (CPALL, CRC, COM7, JMART) และ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW, MINT)