ตลาดมีโอกาสผันผวน ตามข้อมูลการระบาดระลอกสอง

ตลาดมีโอกาสผันผวน ตามข้อมูลการระบาดระลอกสอง

ภาพรวมการลงทุนระยะสั้นชะลอดูการระบาดระลอกสองและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

แม้สภาพคล่องในระดับสูงจะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการปรับลดลงแรง แต่ตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกระยะสั้น ขณะที่แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ จะยังอยู่ในระดับ 2.5-2.6 หมื่นราย ต่ำกว่าสูงสุดที่ 3.9 ราย แต่ก็เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 1.9 หมื่นราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษายังคงเพิ่มขึ้นทำจุดสุงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 1.195 ล้านราย โดยเฉพาะสถานการณ์ในบางรัฐ อาทิ เท็กซัส เนวาดา และฟลอริดา ยังน่ากังวล ทำให้ภาพการลงทุนช่วงสั้นอาจชะลอตัวเพื่อประเมินผลกระทบที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ระวังตลาดอาจผิดหวังการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ของทรัมป์ (โครงสร้างพื้นฐาน) เนื่องจากไม่เร่งด่วน

ธปท.หารือเรื่องลดดอกเบี้ยกระทบกลุ่มการเงิน ธปท.หารือผู้ประกอบการในกลุ่มธนาคาร รวมถึงสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารเกี่ยวกับการลดภาระค่าครองชีพและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด ซึ่งมีการหารือถึงการลดดอกเบี้ย  ลง 2-4% ซึ่งกลุ่มที่กระทบจะได้แก่ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการชั่วคราวที่มีกำหนดถึงราวสิ้นปี เราคาด KTC ซึ่งมีพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่ที่สุดจะกระทบมากสุด ทั้งนี้การดำเนินมาตรการเชิงรุกดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่การประชุมกนง.ในสัปดาห์หน้า จะโน้มเอียงไปในทิศทางของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งแม้จะส่งผลบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อ หรือธนาคารขนาดกลาง-เล็ก แต่เรายังคงมุมมองว่ากลุ่มธนาคารใหญ่ที่เน้นสินเชื่อภาคธุรกิจ จะมีโอกาสได้รับผลบวกจากการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่มีความเสี่ยงในเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่ต่ำกว่า (แต่รอซื้อเมื่อย่อจากประเด็นลดเบี้ยนโยบาย)

Theme การลงทุนและกลุ่มที่น่าใจ 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ออกมาดี ได้แก่ ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ SCC, IVL, AJ, PTL, TIP, THRE, STA 2) กลุ่มปลอดภัยหรือรายได้มั่นคง (defensive) ได้แก่ ADVANC, INTUCH, RATCH, SSP 3) กลุ่มที่เห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง EASTW, WHAUP, CPF, TU 4) กลุ่มธนาคาร เราชอบ BBL, KBANK, TMB

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวตามตลาดต่างประเทศ โดยอาจผันผวนไปตามข้อมูลการระบาดระลอกสองและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้การเก็งกำไรควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  CPF, STA, WHAUP*, THRE*

แนวรับ 1,350 จุด / แนวต้าน : 1,385 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯกล่าวถึงโครงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน – นายพาวเวลกล่าวย้ำว่า เฟดจะทำการเข้าซื้อหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆโดยตรงแทนการเข้าซื้อผ่านกองทุน ETFs และจะยุติการใช้เครื่องมือต่างๆ หากไม่มีความจำเป็นในการสนับสนุนตลาดอีกต่อไป

สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านฟื้นตัว หลังทรุดหนักจากพิษโควิด - เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลง 26.4% ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากโควิด-19

กรุงปักกิ่งประกาศยกระดับเตือนภัยฉุกเฉินจากระดับ 3 สู่ ระดับ 2 –ระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก (ส่วนใหญ่เป็นในประเทศ) และได้สั่งปิดโรงเรียนทุกแห่ง

BOI เห็นชอบลงทุนโครงการใหญ่ 5 โครงการ กว่า 4.1 หมื่นล้านบาท – ได้แก่ โครงการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่, โครงการผลิตไฟฟ้าจากกากน้ำมัน, โครงการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด, โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และโครงการลงทุนหอประชุมขนาดใหญ่

แบงค์ชาติหารือปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเพิ่มเติม – เล็งเพื่อปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเพิ่มเติมราว 2-4 % ให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อเป็นมาตรการเดียวกัน

TRUE ขายเสนอขาย big lot หุ้น DIF ผ่านทางบล.ต่างประเทศแห่งหนึ่ง ที่ราคา 14.500-14.80 บาท ผลคือจะได้รับเงิน 4.3 พันล้านบาท และมีกำไรราว 2 พันล้านบาท แต่ก็จะทำให้รายได้เงินปันผลหายไปปีละ 300 ล้านบาท/ปี

ประเด็นติดตาม: 23 มิ.ย. – US PMI เดือนมิ.ย. / 24 มิ.ย. – TH Industrial Production/ประชุม กนง / 30 มิ.ย.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)