GLOBAL - ถือ

GLOBAL - ถือ

ฟื้นตัวได้อย่างจำกัดเพราะยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่

Event

อัพเดตข้อมูลบริษัทและปรับประมาณการ

lmpact

การคลายมาตรการ lockdown Phase 2 ช่วยหนุนกำไรในไตรมาสที่ 2

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศผ่อนคลายมาตรการ lockdown เฟสที่สอง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง (Figure 1) ซึ่งเร็วกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะประกาศได้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ หลังจากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown เฟสที่ 2 แล้วทุกสาขาของ GLOBAL (67 สาขา) ก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง จากที่เปิดบริการแค่ 28 สาขาในเดือน
เมษายน ซึ่งการที่สาขากลับมาเปิดบริการเร็วกว่าที่คาดจะช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาสสองซึ่ง

ตามปกติแล้วจะเป็นช่วง peak ของบริษัท

ผลประกอบการจะฟื้นตัวได้อย่างจำกัดใน 2H63 เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่ผลประกอบการใน 2H63 น่าจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำใน 2Q63 แต่ยังมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออยู่บ้างอย่างเช่น i)low season (ผลประกอบการใน 2H มักจะต่ำกว่าใน 1H ดังแสดงใน Figure 2) ii) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องมาทำสถิติต่ำสุดที่ 47.2 ในเดือนเมษายน (Figure 3) ซึ่งอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความกังวล และการจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง และ iii) กำลังซื้อที่อาจจะลดลงจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และแพคเก็จกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นสุดลง (5,000 บาทนานสามเดือน)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563 ขึ้นอีก 40% และปี 2564 ขึ้นอีก 7%

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563 ขึ้นอีก 40% และปี 2564 ขึ้นอีก 7% เนื่องจาก i) มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown เร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการยอดขายปีนี้ขึ้นอีก 7% และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q63 ดีเกินคาดเนื่องจากมีการปรับสัดส่วนสินค้า และมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการ
ขายสินค้า house-brand ทำให้เราปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ขึ้นอีก ~1ppts โดยสรุปแล้ว เราคาดว่ากำไรสุทธิของ GLOBAL จะลดลง 19% YoY ในปี 2563 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 34% YoY ในปี 2564 ทั้งนี้ เราใช้สมมติฐาน SSSG ปี 2563 ที่ -14% และปี 2564 ที่ +9%

Valuation & Action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF 1H64 ที่ 14.60 บาท อิงจาก WACC ที่ 7.2%, risk-free ที่ 3.1% และ T(g) ที่ 3.0% ทั้งนี้ เนื่องจากราคาปิดล่าสุดไม่เหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราแล้ว ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” เราคิดว่ากำไรที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจที่ 34% ในปี 25464F ทำให้ราคาหุ้นน่าสนใจในเชิง PEG ที่ 0.8X เป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง เปิดสาขาใหม่ได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ภัยธรรมชาติ และมสินค้าค้างสต็อกเพิ่มขึ้น