TRUE - ขาย

TRUE - ขาย

จะยังขาดทุนต่อเนื่องในขณะที่สถานะทางการเงินก็อ่อนแอ

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังส่งงบ 1Q63 และปรับประมาณการ

lmpact

ผลการดำเนินงานหลักใน 1Q63 ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

TRUE มีผลขาดทุนหลัก 727 ล้านบาท จากที่เคยมีกำไรหลัก 315 ล้านบาทใน 1Q62 และจากที่ขาดทุนหลัก 587 ล้านบาทใน 4Q62 โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันผลประกอบการจากธุรกิจหลักใน 1Q63 ให้แย่ลงQoQ คือค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการของทั้งธุรกิจมือถือ (True Move H)
และธุรกิจอินเตอร์เน็ต (True Online) ยังโตได้ตาม ARPU ที่เพิ่มขึ้นของ True Move H และฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของ True Online ในขณะที่รายได้จากธุรกิจทีวี (True Vision) ลดลง

ปรับประมาณการปี 2563-64 เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 1Q63

เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการใน 1Q63 เราจึงปรับประมาณการของ TRUE ในปี 2563-64 โดยปรับสมมติฐานดังนี้ i) ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จาก True Move H ขึ้นอีก 1% - 2% จากการปรับเพิ่มสมมติฐาน ARPU แต่ปรับลดประมาณการรายได้จาก True Online และ True Vision ii) ปรับลดต้นทุน
ลง 4% - 5% iii) ปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปี 2563 ลง 11% และปี 2564 ลง 8% เพื่อสะท้อนถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาด iii) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปี 2563-64 ขึ้นอีก 84% - 86% จากการนำมาตรฐานบัญชี IFRS 16 มาใช้ โดยหลังปรับสมมติฐานต่างๆ แล้วทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-64 ของเราดีขึ้น 26% - 71% เป็นขาดทุนจากธุรกิจหลัก 3.0 พันล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาทตามลำดับ

คาดว่าสถานะการเงินจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่องในปี 2563

สถานะทางการเงินของ TRUE เมื่อสิ้นงวด 1Q63 อ่อนแอลงจาก 1Q62 และ 4Q62 โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 เท่า จาก 1.1 เท่า ใน 1Q62 และ 1.2 เท่า ใน 4Q62 เพราะ i) หนี้เพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทออกหุ้นกู้ 3.7 หมื่นล้านบาทไปเมื่อปลายปี 2562 และมีเงินกู้ใหม่เพิ่มขึ้นใน 1Q63 เพื่อชำระค่าใบอนุญาต และ ii) ส่วนของทุนที่ลดลง ทั้งนี้เราคาดว่าสถานะทางการเงินจะอ่อนแอลงอีกในปี 2563 เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะยังขาดทุน และยอดเงินกู้เพิ่มขึ้นเพื่อชำระให้เจ้าหนี้การค้าที่ครบกำหนดในปี 2563

Valuation & Action

ภายใต้ประมาณการใหม่ ราคาเป้าหมายที่ปรับไปใช้สำหรับงวด 1H21 อยู่ที่ 3.60 บาท (DCF WACC 8.8%) โดยเรายังคงคำแนะนำ “ขาย” สำหรับ TRUE เนื่องจากคาดว่าในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า ผลประกอบการจะยังขาดทุน ซึ่งจะกดดันให้ฐานะทางการเงินอ่อนแอลงไปอีก

Risks

การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น และความเสี่ยงจากกรณีพิพาทกับหน่วยงานภาครัฐ