KCE - ถือ

KCE - ถือ

ประมาณการ 1Q63: คาดว่ากำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ KCE ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 230 ล้านบาท (-14% YoY, -9% QoQ) เนื่องจาก i) ยอดขายอ่อนแอตามตลาดยานยนต์ของยุโรป และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากผลของอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง และการลดราคาขายมีน้ำหนักมากกว่าการอ่อนค่าของเงินบาท และราคาทองแดงที่ลดลง ทั้งนี้ ประมาณการ 1Q63 ของเราคิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรปีนี้

lmpact

ยอดขายลดลงเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปอ่อนแอ

เราคาดว่ายอดขายของ KCE ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท (-4% YoY, +3% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 96 ล้านดอลลาร์ (-4% YoY, -1% QoQ) คิดเป็น 27% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปอ่อนแอ โดย European Automotive Manufacturers Association (ACEA) รายงานว่ายอด EU passenger car registration ลดลง 7.5% YoY ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ รายได้จากยุโรปคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของรายได้รวมของ KCE

คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเหลือ 20.1%

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q63 จะอยู่ที่ 20.1% (-1.0ppt YoY, -0.3ppt QoQ) เนื่องจากผลกระทบจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง และการปรับลดราคาจะมีน้ำหนักมากกว่าอานิสงส์จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง (31.30 บาท/US$ ใน 1Q63 จาก 30.20 บาท/US$ ใน 4Q62) และราคาทองแดงที่ลดลง (5,600 ดอลลาร์/ตันใน 1Q63 จาก 5,900 ดอลลาร์/ตันใน 4Q62)

ผลประกอบการจะอ่อนแอใน 2Q63 แต่น่าจะฟื้นตัวได้บ้างใน 2H63

การแพร่รระบาดของ Covid-19 บวกกับการที่ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปหลายแห่งหยุดการผลิตชั่วคราวทำให้เราคาดว่า KCE จะถูกกระทบอย่างหนักใน 2Q63 แต่เราคาดว่า KCE น่าจะฟื้นตัวได้บ้างใน 2H63 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น (จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และเงินบาทอ่อน
ค่าลง)

Valuation & Action

เราแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์โรคระบาดในยุโรป ซึ่งจะเป็นสัญญาณบอกถึงการฟื้นตัวของกิจการของ KCE ในครึ่งหลังของปีนี้ โดยเราคาดว่ากำไรจะกลับมาโตอย่างโดดเด่นถึง 55% YoY ในปี 2564 จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ถือ และให้
ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 17.50 บาท อิงจาก PER ที่ 19.5x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.5 S.D.)

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น วัตถุดิบขาดแคลนและเงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานค่าเงินบาทปี 2563-64 ที่ 31.90 บาท/US$)