PTTEP - ซื้อ

PTTEP - ซื้อ

ปริมาณการผลิต & แนวโน้มกำไรเติบโต, ซื้อ!

เราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ซื้อ” หุ้น PTTEP ด้วย ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 170 บาท จากการขยายตัวของกำไรในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ถึง ปี 2563 หนุนโดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการผลิต หนุนโดยสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ใหม่น่าจะขยายฐานกำไรของบริษัทในอนาคต แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของ PTTEP ในปี 2562 ทำให้ PER ปี 2562 อยู่ที่ 10.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 12.0 เท่าอยู่ค่อนข้างมาก

คาดกำไรหลักไตรมาส 3/61 เติบโตแข็งแกร่ง, แนวโน้มไตรมาส4/61 แตะจุดสูงสุด

ผลการดำเนินงานของ PTTEP มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/61 เราคาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรหลักไตรมาส 3/61 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 56% YoY และ 9% QoQ) และทำสถิติสูงสุดของปีนี้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 114% YoY และ 43% QoQ) ในไตรมาส 4/61 หนุนโดยปริมาณขายปิโตรเลียมและราคาปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น การรับรู้สัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในแปลงบงกชและการรับก๊าซจากผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้นจะหนุนปริมาณขายปิโตรเลียมให้เติบโตต่อเนื่อง QoQ จนถึง ไตรมาส 4/61 นอกจากนั้นราคาขายปิโตรเลียมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง QoQ จนถึงไตรมาส 4/61 สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

สองปัจจัยหนุนแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2562

การคาดการณ์ตัวเลขในไตรมาส 4/61 ที่เติบโตแข็งแกร่งไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ ในปีหน้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ปริมาณการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหนุนโดยการรับรู้สัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในแปลงบงกชเต็มปี และการรับก๊าซที่เพิ่มขึ้นของ PTT ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยคาดว่าจะขยายตัว 5% YoY และทำจุดสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 3.23 แสนบาร์เรล/วันในปีหน้า ราคาขายปิโตรเลียมน่าจะปรับตัวสูงขึ้นและคาดว่าจะมีแนวโน้มแบบ higher-high pattern ในปีหน้าตามทิศทางของราคาน้ามันดิบที่สูงขึ้น—จาก 6.5 ดอลลาร์สหรัฐ/MM btu ในปี 2561 มาอยู่ที่ 7.1 ดอลลาร์สหรัฐ/MM btu ในปี 2562

การชนะประมูล PSC จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการผลิต

เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงไม่กี่รายสำหรับแปลงเอราวัณและบงกชรวมทั้ง PTTEP มีประสบการณ์ยาวนานในอ่าวไทย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแปลงบงกช) สมมติฐานพื้นฐานของเราสอดคล้องกับที่ตลาดมองว่า PTTEP จะเป็นผู้ชนะการประมูล PSC สำหรับโครงการบงกชและจะถือหุ้นเป็นสัดส่วน 25% ในโครงการเอราวัณ ปิโตรเลียมจากโครงการบงกชและเอราวัณจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรอง P1 ของบริษัทบางส่วนและขยายอายุการผลิต การวิเคราะห์กรณีฐานของเราชี้ให้เห็นปริมาณการผลิตของ PTTEPCAGR ที่ 5% ในช่วงปี 2562-66 เทียบกับการหดตัวที่ 6% (หากไม่มี PSC ใหม่)

แนวโน้มที่ดีหนุนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย

หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เมื่อไม่นานมานี้ จาก 72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับปี 2561, จาก 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลมาอยู่ที่ 86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในปี 2562 และ 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในปี 2563 (และคาดการณ์ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลสำหรับระยะยาว) ดังนั้นเราจึงปรับสมมติฐานราคาขายปิโตรเลียมของเราขึ้น และปรับประมาณการกำไรขึ้น 16% มาอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2561, เพิ่มขึ้น 52% มาอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2562 และ เพิ่มขึ้น 61% มาอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2563 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิในระยะยาวเพิ่มขึ้น 65% โดยเฉลี่ย (คาดว่าราคาขายก๊าซเท่ากับ 200 บาท/MM btu และมีกำไรแบ่งเป็น 30%:70% [PTTEP : รัฐบาล] สำหรับ PSC ใหม่) เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งกำไรจากโครงการบงกชและเอราวัณ หลังจากปรับเพิ่มการประมาณการกำไรและปรับเป้าหมายการลงทุนเป็นปี 2562 ราคาเป้าหมายประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ปี 2562 อยู่ที่ 170 บาท

นอกจากนั้นยังมีอัพไซด์ต่อปริมาณสารอง P1 ของ PTTEP รวมถึงประมาณการกำไรระยะยาวของเราจากการตัดสินใจลงทุน (FID) สำหรับแหล่งผลิตก๊าซ Rovuma ในประเทศโมซัมบิก (คาดว่าจะทราบผลภายในเดือน มิ.ย. ปี 2562) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการบงกชและเอราวัณอาจจะแตกต่างไปการคาดการณ์พื้นฐานของเรา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดขั้นสุดท้ายของ PSC