Retail Market Monitor (13 ก.พ.61)

Retail Market Monitor (13 ก.พ.61)

หุ้นขนาดใหญ่มี Fund Flow จำกัด ส่งผลหุ้น ขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกจะฟื้นตัวได้ดี

การเปิดเผยแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อคืนนี้ หนุนให้หุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวต่อเป็นวันที่ 2 ท่ามกลาง sentiment ของตลาดที่กลับมาเป็นบวกมากขึ้น จาก 1) VIX Index หรือดัชนีสะท้อนความกลัวของนักลงทุนในตลาดที่ปรับลดลง 2) แรงกดดันจากตลาดพันธบัตรที่ผ่อนคลายลงในช่วงสั้นจนกว่าจะมีการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค.ของสหรัฐฯในคืนวันพรุ่งนี้ 3) กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯที่คาดออกมาแข็งแกร่ง โดยเรามองตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อตาม sentiment หุ้นโลกที่เป็นบวก

อย่างไรก็ตามภาพใหญ่ยังคงเป็นการปรับฐานจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังมีโอกาสขยับขึ้นต่อจากการเพิ่มสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเร่งให้ธนาคารกลางสหรัฐฯมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แนะติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ หากตัวเลขดังกล่าวออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.9-2.0% อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของหุ้นโลกเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัว

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (14 ก.พ. ทราบผลคืนวันพุธเวลาไทย), การประชุมกนง.(14 ก.พ.) ซึ่งเราคาดจะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคาดหนุนการฟื้นตัวของการบริโภค ดีต่อ TK, AMANAH, GCAP* ขณะที่ราคาน้ำมันที่ลดลงช่วงสั้นดีต่อ AAV*, SCC, TASCO, ATP30*, EPG*, PSL*, TTA*, WICE*, VNG*, DCC (ตัดขาดทุน 3-5%) / งบ IRPC วันนี้คาดเป็น sentiment บวกต่อตลาด

Investment Theme กลุ่มธนาคาร – การที่ธปท.ส่งสัญญาณ NPL ผ่านจุดสูงสุด ขณะที่คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 14 ก.พ. ส่งผลดีต่อการเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร //หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*//ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA //

ภาพรวมกลยุทธ์: ปรับฐานในตลาดขาขึ้น และเรามองเป็นโอกาสหาจังหวะซื้อ แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อในจังหวะปรับฐาน เน้นกลุ่มที่ราคายังขึ้นน้อย (underperform) หรือมีการถือครองน้อย (under-owned) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา อาทิ การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร หรือเข้าสู่ฤดูผลประกอบการสูง อาทิ ท่องเที่ยว ได้แก่ BDMS, BH, BCH, THG*, VIH*, LH, QH, SC*, ADVANC, INTUCH, ERW, MINT นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง  // หุ้นแนะนำ AMANAH, VNT, TK, MAJOR

แนวรับ 1794 และ 1780/ แนวต้าน : 1810 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

โอเปกปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์-อุปทานน้ำมันดิบ  - อุปสงค์น้ำมันในปีนี้จะมีการขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่อุปทานน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้จากแรงหนุนของการผลิตในสหรัฐฯ (เพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล/วัน) มองตลาดมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงสิ้นปีนี้

ทรัมป์เผยงบรายจ่ายปี 62 วงเงิน $4.4 ล้านล้าน โดยเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม การลงทุนในสาธารณูปโภค รวมถึงการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก และเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดดุลจึงได้มีการเสนอตัดงบประมาณส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องด้านกลาโหม คาดว่าจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ $3 ล้านล้าน ในช่วง 10 ปี

ธปท.เผยผลการดำเนินงานธนาคารปี 60 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นมาที่ 4.4% จาก 2% ในสิ้นปีก่อน โดยเร่งขึ้นในช่วงปลายปีทั้งสินเชื่อธุรกิจจากพอร์ตสินเชื่อธุรกิจ SME และสินเชื่ออุปโภคบริโภคจากพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ ส่งผลให้ภาพรวมการระดมทุนผ่านสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 4.4% มาอยู่ที่ 4.7% ขณะที่ NPL Ratio เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.91% จากสิ้นปี 59 ที่ 2.83% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปีก่อน

MSCI – ในการทบทวนหุ้นเที่ยวนี้ ไม่มีหุ้นไทยถูกเพิ่ม หรือนำออกจากการคำนวณของ MSCI

ประเด็นติดตาม: 14 ก.พ. TH – ประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) // 19 ก.พ. TH – สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)