Daily Strategy (1 ธ.ค.60)

Daily Strategy (1 ธ.ค.60)

คาดตลาดปรับตัวขึ้นตอบรับตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งแรง

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่บวกแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทิศทางใหม่ของตลาดหุ้นทั่วโลกในวันนี้รวมทั้งตลาดหุ้นไทย คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่พุ่งแรง ดาวโจนส์บวกแรงมากถึง 331 จุด หรือ +1.39% จากมุมมองที่ดีของนักลงทุนเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปด้านภาษีของทรัมป์ หลังจากมีความคาดหวังสูงว่าวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีภายในวันศุกร์นี้ (หุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์ คือผู้มีฐานผลิตในสหรัฐฯ ได้แก่ IVL, TU, EPG) ทำให้เกิดความหวังว่าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยจะกลับมี Sentiment ในเชิงบวกในวันนี้ หลังจากอ่อนตัวลงต่ำกว่าระดับ 1,700 จุด อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน และการเก็งกำไรจาก Hot Money ซึ่งจะทำให้ตลาดผันผวนหนักขึ้น โดยในเดือน ธ.ค.จะเป็นช่วงที่เงิน LTF และ RMF จะเข้าช่วยหนุนตลาดหุ้น จึงแนะนำเลือกหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน แนะนำ ADVANC, SCB, IVL คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว กรอบดัชนี 1,690-1,715 จุด

 

หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC (ราคาปิด 174.50 บาท; ซื้อ; IAAConsensus220 บาท)

  • Price Pattern ของ ADVANC ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal แต่การปรับตัวลงที่ผ่านมาทำให้ ADVANC ยังคงมีความอ่อนแอทั้งในระยะสั้นและกลาง จากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal โดย Price Pattern ของ ADVANC จะเริ่มกลับมาดูดีขึ้นในระยะสั้นหากสามารถปิดตลาดได้เหนือ 178 บาท เนื่องจากจะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ADVANC รอบนี้มีแนวรับแข็งแกร่งอยู่ที่ 50 บาท ที่ไม่ควรจะปิดตลาดต่ำกว่า 173.50 บาท (การปิดตลาดต่ำกว่า 173.50 บาท จะทำให้ Price Pattern ของ ADVANC ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ) ซึ่งกรณีที่ Price Pattern ของ ADVANC ไม่ปิดตลาดต่ำกว่า 173.50 บาท จะมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 199 บาท (Resistance: 175.50, 176.50, 178.50; Support: 173.50, 172.50, 170.50) 

ปัจจัยในประเทศ:

  • ผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน แต่ยังต่ำกว่าคาดการณ์ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.48% YoYปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน แต่ยังต่ำกว่าประมาณการรอยเตอร์ที่ 3.2% การปรับตัวขึ้นหนุนโดยภาคการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้นในยางพารา เครื่องยนต์ และอาหารแปรรูป แต่ถูกหักล้างโดยผลผลิตที่ลดลงในเครื่องปรับอากาศ เครื่องประดับ และสิ่งทอ (บางกอกโพสต์) ความเห็น: เราคาดสาเหตุส่วนหนึ่งของการชะลอตัวของดัชนีในเดือน ต.ค.มาจากช่วงไว้อาลัย อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าตัวเลขจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีเป็นไปตามไฮซีซั่น
  • รัฐตั้งเป้าเพิ่มจำนวน SME ปีหน้า 3 แสนราย เนื่องจากมองว่ากลุ่ม SME จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ปัจจัยดังกล่าวชี้ถึงความเป็นไปได้ของความต้องการสินเชื่อในกลุ่ม SME ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า หลังจากซบเซามาหลายปี เราคาดสินเชื่อกลุ่มธนาคารโดยรวมในปี 61 จะเติบโต 8.7% เร่งตัวจาก 5% ในปีนี้ และยังคงคำแนะนำ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” สำหรับกลุ่มธนาคาร
  • ผู้บริหาร BIGC เปิดเผยว่า คาดว่ากำลังซื้อในตลาดในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2560 ไปจนถึงต้นปี 2561จะดีต่อเนื่องเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น รวมทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐอย่างช็อปช่วยชาติ ทำให้ยอดรายได้เพิ่มขึ้น (ที่มา: โพสต์ทูเดย์) ความเห็น: เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพาณิชย์
  • GPI: บมจ. กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าซื้อขายวันนี้วันแรก อยู่กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์, จำนวนหุ้นทั้งหมด 600 ล้านหุ้น และมีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท ที่ราคาพาร์ 50 บาท ธุรกิจหลักประกอบด้วย 3 ประเภทดังนี้ 1. ผู้จัดงานแสดงสินค้าและผู้จัดงานด้านยานยนต์ 2. สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และ 3. บริการการพิมพ์
  • WORK (ปิด 75 บาท; NR; อยู่ระหว่างประเมินราคาเป้าหมายใหม่โดย Consensus)มีมุมมองเป็นลบจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าไตรมาส 4/60 จะพลิกสู่การขาดทุน ผิดจากความคาดหวังของตลาดก่อนหน้านี้ เนื่องจากช่วงไว้ทุกข์เดือนตุลาคมทำให้ ธุรกิจของ TVDigital หลายแห่งขาดรายได้ค่าโฆษณา และประสบผลขาดทุน แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นมาแล้วในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม แต่จะไม่เพียงพอที่จะทำให้กลับมาทำกำไรในงวด 4Q60 ได้ นอกจากนี้ ช่วงเวลาPrime Time ของ WORK ซึ่งมีรายการเด่นคือ The Mask Singer เป็นรายการที่มีอัตราค่าโฆษณาสูงที่สุดของ WORK มีเรทติ้งตกไปอยู่เป็นอันดับที่ 8 เรายังคาดว่า WORK จะต้องใช้เวลาในดึงเรทติ้งขึ้น จึงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน WORK และหุ้นกลุ่ม TVdigital โดยรวมออกไปก่อน หากราคาปรับตัวขึ้นมาหาโอกาสขายออกไป

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปด้านภาษีของทรัมป์ นักลงทุนคาดหวังว่าวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันศุกร์นี้ โดยสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 39% ส่วนดัชนี S & P 500 เพิ่มขึ้น 0.82% ขณะที่ Nasdaqเพิ่ม 0.73% ในขณะที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งเอเชียและยุโรปอยู่ในภาวะซึมเซาและอ่อนตัวลงเป็นส่วนใหญ่

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบปิดบวก: (NYMEX US$57.42/bbl, +US$0.12/bbl, +0.21%; Brent: ปิด US$63.57/bbl, +US$0.46/bbl,+0.73%) โอเปก-กลุ่มนอกโอเปกนำโดยรัสเซีย เสร็จสิ้นการประชุม เห็นพ้องขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน 8 ล้านบาร์เรล/วันออกไปถึงสิ้นปี 2561จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาส 1/61 โดยอาจทำการทบทวนข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย.61 ถ้าหากตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป นอกจากนี้ รัสเซียได้แสดงความกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน อาจส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาในตลาด
  • ราคาทองคำปรับตัวลดลง:(ปิด US$1,276/ounce; down US$5 or -0.74%) เนื่องจากหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวพุ่งขึ้นแรง ความเชื่อมั่นและบรรยากาศบวกในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดขายออกของสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่น ทองคำ
  • BDI บวกแข็งแกร่ง:(ปิด 1,578 จุด +42 จุดหรือ + 2.7%) บวกต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วันทำการแล้ว คาดว่าได้แรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ PMI ที่แข็งแกร่งของประเทศใหญ่ ๆ ทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อ PSL และ TTA