ADVANC - ถือ

ADVANC - ถือ

เต็มมูลค่า ถือรับเงินปันผล

ประเด็นการลงทุน

เราประเมินว่าแนวโน้มรายได้บริการและกำไรหลักจะยังคงเติบโตแข็งแกร่ง YoY ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 รายได้รวมเฉลี่ยต่อรายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 จากการหยุดให้แพ็คเก็จดาต้าแบบไม่จำกัดการใช้งาน การลดเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ทำร่วมกับโปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือลงอย่างมีนัยสำคัญ และการยกเลิกการให้ส่วนลดก่อนหน้าที่ให้กับโปรโมชั่นบรอดแบนด์ประจำที่ อัพไซด์จะมาจากการเปิดประมูลคลื่นความถี่ของกสทช. ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2561 แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อัตราส่วน EV/EBITDA ในปี 2561 ของ ADVANC ณ ระดับราคาปัจจุบันที่ 9.6 เท่าถือว่าแพงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (คิดเป็น +1.09 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว) ถ้าเทียบกับอัตราส่วน EV/EBITDA ในปี 2561 ของ DTAC ซึ่งอยู่ที่ 6.9 เท่า (หรือคิดเป็น +0.25 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว) และอัตราส่วน EV/EBITDA ในปี 2561 ของ TRUE ซึ่งอยู่ที่ 8.6 เท่า (หรือคิดเป็น +0.51 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว) เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” เพื่อรอรับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ 4% แต่เราชอบหุ้น INTUCH มากกว่า ADVANC เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ INTUCH ที่สูงกว่า เราปรับเปลี่ยนไปใช้
เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2561 แทน (จาก ณ สิ้นปี 2560) และได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 185 บาท

ยกเลิกแพ็คเก็จแบบไม่จำกัดการใช้งานดาต้า รายได้เฉลี่ยต่อรายปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

เนื่องจากบริษัทตั้งใจที่จะยกเลิกแพ็คเก็จแบบไม่จำกัดการใช้งานดาต้า (เช่น โปรโมชั่น 699 บาทใช้อินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดการใช้งาน ซึ่งมีระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียวในเดือนก.ค.) เราจึงคาดว่ารายได้รวมเฉลี่ยต่อรายของ ADVANC มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ในขณะเดียวกันกลยุทธ์การอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 จะคล้ายกับในไตรมาส 2/60 ซึ่งได้แก่ การหันมาเน้นกลุ่มลูกค้าโพสต์เพด เราสังเกตว่ากลยุทธ์การให้เงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ของทรูมูฟเอชลดลงในไตรมาส 3/60 และกลยุทธ์การอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์จะเปลี่ยนไปสู่กลุ่มลูกค้าโพสต์เพดแทนเหมือนกับ ADVANC และ DTAC แต่ถึงแม้ว่าเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์สำหรับลูกค้าพรีเพดของทรูมูฟเอชจะยังคงมีอยู่ แต่เงินอุดหนุนดังกล่าวก็ถือว่าลดลงอย่างมากถ้าเทียบกับในช่วงก่อนหน้า

แนวโน้มรายได้บริการแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยังครึ่งหลังของปี 2560

เราคาดรายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ในไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้น 5.9% YoY และ 0.9% QoQ รายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ที่ไม่รวมรายได้บรอดแบนด์ประจำที่) เพิ่มขึ้น 4.2% YoY และ 0.8% QoQ และเนื่องจากรายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) งวด 9 เดือนแรกของปี 2560 ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 5.5% YoY เราประเมินว่าเป้ารายได้บริการของบริษัทสำหรับปี 2560 ที่ตั้งไว้ที่ 4-5% มีแนวโน้มทำได้ รายได้เฉลี่ยต่อรายของธุรกิจบรอดแบนด์ประจำที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 เนื่องจากการยกเลิกแพ็คเก็จที่ให้ส่วนลด 50% ในขณะที่ลูกค้าธุรกิจบรอดแบนด์ประจำที่รายใหม่สุทธิยังคงมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งหลังจากการเปิดตัวคอนเท้นต์ใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/60 เราประเมินว่าเป้าลูกค้าบรอดแบนด์ประจำที่ ณ สิ้นปี 2560 ที่ 6 แสนรายน่าจะยังคงทำได้

ส่องกล้องไตรมาส 3/60—กำไรหลักเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY และ 4% QoQ หากไม่รวมผลประโยชน์ด้านภาษีจำนวน 209 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.29 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY และ 4% QoQ กำไรหลักที่เติบโตแข็งแกร่ง YoY ได้รับปัจจัยบวกจากรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลงอย่างมาก (เงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์) และต้นทุนด้านกฎระเบียบที่ลดลง (อัตราค่าธรรมเนียมยูเอสโอที่ลดลงจาก 3.75% เหลือ 2.5% ของรายได้โทรคมนาคม ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป) ซึ่งมีแนวโน้มกลบผลกระทบของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย ค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนต์และภาระหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรหลักที่เติบโต QoQ ได้รับผลบวกจากการรับรู้ผลกระทบเต็มไตรมาสจากอัตราค่าธรรมเนียมยูเอสโอที่ลดลง รายได้บริการที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง เราคาดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในไตรมาส 3/60 ลดลง 32% YoY และ 9% QoQ และต้นทุนด้านกฎระเบียบในไตรมาสนี้ลดลง 18% YoY และ 12% QoQ