‘มาร์เวล’ทุ่มพันล้านผุด“ฮีโร่เอ็กซ์พีเรียนซ์”บูมท่องเที่ยว

‘มาร์เวล’ทุ่มพันล้านผุด“ฮีโร่เอ็กซ์พีเรียนซ์”บูมท่องเที่ยว

ในขณะที่ไทยวางแผนมุ่งสร้างภาพลักษณ์ท่องเที่ยวซึ่งเป็นมิตรต่อกลุ่ม “ครอบครัว” มากขึ้น การลงทุนของภาคธุรกิจเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวประเภทฝีมือมนุษย์ (Manmade Attraction) จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดให้เติบโตก้าวกระโดด

นพปฎล เจสัน จิรสันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มชื่นชอบกิจกรรมที่ให้ประสบการณ์แแปลกใหม่มากขึ้น ดังนั้นบริษัทซึ่งเกิดจากการรวมตัวของนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านสื่อและความบันเทิงหลายแขนงมากว่า 10 ปี จึงวางแผนระยะยาวในการสร้างธุรกิจใหม่ โดยเจรจากับบริษัท ฮีโร เวนเจอร์ สหรัฐ เจ้าของลิขสิทธิ์ “เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์” (ทีเอ็มเอ็กซ์) และบรรลุข้อตกลงในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในไทยเป็นครั้งแรก และครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท มีกำหนดเปิดตัวภายในไตรมาส 2 ปีหน้า

แผนการสร้าง เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ ใช้พื้นที่รวมมากกว่า 1 หมื่นตร.ม. เลือกทำเลย่านบางนา บริเวณศูนย์การค้าอิเกีย โดยมีโครงสร้างแบ่งเป็น 7 โดม ใช้เทคนิค “ดิจิทัล ไฮเปอร์ เรียลลิตี้” ผสานกับเรื่องราวที่ผูกโยงขึ้นโดยใช้ฉากหลังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในเรื่องราวของตัวละครภายใต้แบรนด์มาร์เวลกว่า 20 คาแรกเตอร์ และมีแผนจะเพิ่มเติมอีกในอนาคต เมื่อมาร์เวลเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ๆ ตามมา โดยมีความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 1.3 หมื่นคน/วัน

ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาสแรกหลังเปิดให้บริการ จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคน เป็นชาวไทยราว 30% และต่างชาติ 70% ส่วนการเตรียมความพร้อมจากนี้จะเดินทางไปเทรดโชว์และโรดโชว์ทำตลาดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทุกภูมิภาค เช่น เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต (ดับเบิลยูทีเอ็ม) ที่ลอนดอน เดือน พ..นี้ 

ขณะเดียวกัน ทยอยทำตลาดแนะนำสินค้ากับบริษัทนำเที่ยวต่างๆ แล้ว เนื่องจากมองโอกาสทำตลาดลูกค้าจากกรุ๊ปทัวร์มีสัดส่วนถึง 60-70% ส่วนนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเองกว่า 30-40%

สำหรับบริษัทฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ มีทุนจดทะเบียน 127.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนของของไทยทั้งหมด โดยมีแผนจะระดมทุนเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ด้วย เบื้องต้นจะขับเคลื่อนโครงการเดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมก่อน โดยกำลังอยู่ระหว่างขอเข้ารับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอด้วย ก่อนจะพิจารณาโอกาสจะขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ ตามมาในอนาคต เช่น โรงแรม เป็นต้น

“เชื่อว่าการเกิดขึ้นของแหล่งท่องเที่ยวใหม่นี้ จะช่วยส่งเสริมรายได้ตามแนวทางที่ภาครัฐวางไว้ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายภายในโครงการนี้่ 2,500 บาท/หัว เพราะนอกจากค่าบัตรร่วมกิจกรรมหลัก ซึ่งราคาเฉลี่ยในสหรัฐ 35 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,100 บาทแล้ว จะมีการสร้างคาเฟ่และร้านอาหารภายใต้ธีมของแบรนด์มาร์เวล และร้านขายของที่ระลึกเพื่อกระตุ้นเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวด้วย”

สุรเกียรติ เทียนทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด กล่าวว่า การนำมาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ เข้ามาจะใช้เวอร์ชั่นล่าสุด 3.0 ต่างจากในสหรัฐที่ยังเป็นเวอร์ชั่นแรก ซึ่งการได้ลิขสิทธิ์จากมาร์เวลมาลงทุนในครั้งนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษามาตรฐานแบรนด์ที่เป็นระดับโลก รวมถึงแสดงถึงความมั่นใจของบริษัทระดับโลกที่เห็นโอกาสในการเติบโตไทย ที่เป็นตลาดเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ทั้งนี้มั่นใจในแบรนด์ของมาร์เวลว่ามีลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ตัวละครซึ่งเป็นที่นิยมและเติบโตสูงที่สุด ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย คือ เด็กที่มีอายุ 4-5 ขวบไปจนถึงอายุ 80 ปี จากการสำรวจพฤติกรรมของแฟนทั่วโลกที่ผ่านมา ดังนั้น จึงเป็นการตอบโจทย์ครอบครัว และตลาดคุณภาพที่ไทยกำลังปรับทิศทางในขณะนี้

ด้านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมนำมาร์เวล เอ็กซพีเรียนซ์ เป็นหนึ่งในแม่เหล็กแหล่งท่องเที่ยวที่จะแนะนำสู่ตลาดต่างประเทศ ในการประกาศปีท่องเที่ยววิถีไทย 2561 ที่จะเริ่มเปิดตัวในเดือน พ.ย.นี้ เป็นต้นไป โดยมองเห็นศักยภาพในการใช้เป็นเครื่องมือเจาะตลาดอาเซียนและจีน ที่รวมกันแล้วมีสัดส่วนกว่า 50% เทียบตลาดต่างประเทศทั้งหมด โดยเฉพาะอาเซียนที่มีการท่องเที่ยวแบบครอบครัวในสัดส่วนกว่า 70%

“การท่องเที่ยวไทยมีนักเดินทางซ้ำ (Repeater) ในสัดส่วนกว่า 70% ดังนั้นการจะดึงดูดให้คนกลุ่มเดิมยังเดินทางมาอีกนั้น การมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่กระตุ้นการใช้จ่ายที่เน้นมูลค่าสูงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้"

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะช่วยให้เข้าถึงนักเดินทางกลุ่มใหม่ที่เป็นแฟนของตัวละครให้มาไทยด้วย เนื่องจากเป็นแห่งแรกในอาเซียนที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ร่วมมือกับมาร์เวลในลักษณะนี้ สอดคล้องกับที่ไทยเป็นจุดหมายการเดินทางวันหยุด (Weekend Destination) ของตลาดอาเซียนอยู่แล้ว

นอกจากโครงการนี้แล้ว ยังมีภาคธุรกิจเอกชนอื่นๆ อีก 2-3 รายที่กำลังพิจารณาการลงทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มเติมด้วย