LPN - ซื้อเก็งกำไร

LPN - ซื้อเก็งกำไร

กำไรไตรมาส 2/60 ต่ำกว่าคาด แต่แนวโน้มปี 2561 ฟื้นแรง

ผลประกอบการต่ำกว่าที่ BLS คาด แต่ไม่ห่างประมาณการตลาดมากนัก

LPN ประกาศกำไรหลักไตรมาส 2/60 ที่ 249 ล้านบาท ลดลง 72% YoY และ 21% QoQ โดยผลประกอบการต่ำกว่าที่เราคาด 18% (ต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน 6%) เนื่องจากรายได้จากการขายสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัย ออกมาต่ำกว่าประมาณการของเรา 9% และอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด 70 bps

LPN ประกาศเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลที่ 0.15 บาท/หุ้น สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2560 (ต่ำกว่าที่เราคาดที่ 0.20 บาท/หุ้น) จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 ส.ค. และจ่ายจริงวันที่ 7 ก.ย.


ประเด็นหลักผลประกอบการ

กำไรไตรมาส 2/60 ชะลอตัวเนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาฯ ชะลอตัว (ลดลง 64% YoY และ 20% QoQ มาอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท) และอัตรากำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 12.2% ในไตรมาส 2/60 (จาก 17% ในไตรมาส 2/59 และ 12.8% ในไตรมาส 1/60) อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายกระโดดสูงขึ้นมาอยู่ที่ 15.4% ในไตรมาส 2/60 (จาก 10.9% ในไตรมาส 2/59 และ 14.3% ในไตรมาส 1/60) เนื่องจากยอดขายลดลงรายได้จากการขายอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยหลักๆมาจากการขายโครงการเดิมที่มีอยู่ และการเริ่มโอนโครงการ Ville Sukhumvit ราชพฤกษ์-บางแหวก (โครงการมูลค่า 1.3 พันล้านบาท จองแล้ว 34% และโอนแล้ว 27% ในไตรมาส 2/60) หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิสูงขึ้นจาก 0.3 เท่า ณ สิ้นเดือน มี.ค. มาอยู่ที่ 0.4 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.

แนวโน้ม

LPN จะดันยอดขายโครงการเดิมในมือเพื่อหนุนยอดขายเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/60 ในเดือน ก.ค. โดยล่าสุดบริษัทสามารถสร้างยอดจองซื้อจากการขายสินค้าคงหลือได้ระดับดีที่ 1.2 พันล้านบาท แม้ไม่มีคอนโดใหม่เสร็จเริ่มโอนได้ในไตรมาส 3/60 อย่างไรก็ตามเรายังคงประมาณการเดิมอย่างอนุรักษ์นิยมที่ว่าอัตรากำไรสุทธิชะลอตัว ดังนั้นเรา คาดกำไรไตรมาส 3/60 จะประมาณทรงตัว YoY และเติบโต QoQ โดยเรา คาดกำไรจะเติบโตแบบน่าสนใจมากขึ้นในไตรมาส 4/60 เนื่องจากจะมีคอนโด 4 โครงการมูลค่ารวม 3 พันล้านบาทแล้วเสร็จ และเริ่มโอนได้ในช่วงปลายปีนี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาต่ำกว่าคาด เราจึงปรับลดประมาณการกำไรหลักลง 24% สำหรับปี 2560 และ 30% สำหรับปี 2561 ด้วยการปรับลดประมาณการรายได้จากการขายอสังหาฯ ลง 17% มาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ในปี 2560 (มียอดขายรอรับรู้รายได้คิดเป็น 73%ของประมาณการรายได้ดังกล่าว) เนื่องจากโครงการ ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 เลื่อนการเปิดออกไปจากไตรมาส 4/60 ไปป็นไตรมาส 1/61 โดยเรา ปรับลดอัตรากำไรหลักลง 150 bps เนื่องจากบริษัทจัดแคมเปญดันยอดขายโครงการในมือ และมีการเปิดโครงการใหม่มากขึ้นในปีนี้ (มูลค่าโครงการเปิดตัวใหม่ 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 2560 เทียบกับ 8 พันล้านบาท

ในปี 2559) อย่างไรก็ตาม คาดรายได้จากการขายอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2561 จากฐานต่ำในรอบเจ็ดปีในปี 2560 โดยรายได้ปี 2561 นั้นจะหนุนทั้งโครงการคอนโดและแนวราบ โดย LPN จะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ระดับบน - Industrial Ring Road มูลค่า 3 พันล้านบาท – ในไตรมาส 1/61 และน่าจะโอนได้ช่วงกลางปี 2561


คำแนะนำ

ราคาหุ้นจะถูกกดดันในระยะสั้นจากผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่ออกมาไม่ดีนัก ซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อแผนธุรกิจปี 2560 (มีความเสี่ยงขาลง 20% ต่อเป้าหมายยอดจองซื้อที่ 20 พันล้านบาท, และ 10% ต่อเป้าหมายรายได้จากโครงการคอนโดที่ 1 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตาม LPN จะเป็นผู้นำกลุ่มฯ ด้านกำไรเติบโตในปี 2561 อีกทั้งเราเห็นความชัดเจนของรายได้ในปี 2561 มากขึ้นจากยอดขายรอรับรู้รายได้ที่เริ่มจากไม่มีเลยตอนต้นปี 2560 เป็นคาดที่ประมาณ 7 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ย. หรือคิดเป็น 53% ของประมาณการรายได้อสังหาฯ ของเราสำหรับปี 2561 ทั้งนี้เรา มองว่าหุ้นมีความเสี่ยงขาลงต่อราคาหุ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากหุ้นปรับตัวช้าที่สุดนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (เทียบกับหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ที่เราให้คำแนะนำ) ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2560 ที่ 12 บาท (ลดลงจาก 14.6 บาท) และมองว่ายังมีอัตราผลตอบแทนน่าสนใจเมื่อพิจารณาถึงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ประมาณ 14 บาท/หุ้น