MORNING CALL ACTION NOTES (11 ส.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (11 ส.ค.60)

กังวลเกาหลีเหนือ

ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบ เนื่องจากมีความกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีกดดัน อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อกลุ่ม Health Food และหุ้นรายตัวหนุนให้ SET ปิดที่ 1,571.64 จุด (+0.13 จุด) Vol. 3.3 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +678 ลบ. TFEX Net +1,186 สัญญา ตราสารหนี้ -3,666 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- เกาหลีเหนือออกมาย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนส.ค. ส่งผลให้ VIX Index พุ่ง 44% สู่ 16 จุด

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงแรง จากความกังวลกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ และจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 244,000 ราย

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 48.6 US/Barrel หลังการผลิตน้ำมันของโอเปกในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 โดยปรับตัวขึ้น 173,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับเฉลี่ย 32.9 ล้านบาร์เรล/วัน

+ ก.พาณิชย์ คาดส่งออกปี 60 มีโอกาสโตกว่าเป้าหมายที่ 5% รับผลศก.โลกฟื้นตัว นำโดยกลุ่มอาหารและอุตสาหกรรมอาหาร

+/- MSCI ไม่มีหุ้นไทยถูกเพิ่มหรือถอดออกจากการคำนวณดัชนีรอบนี้

+/- Fund Flow ต่างชาติ Net Buy 2 วันราว 1.5 พันลบ. แต่ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ยังเป็น Net Sell 6.2 พันลบ. แม้ว่าเงินบาทยังแข็งค่า 33.2 Bath/USD

** ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (11 ส.ค.) เนื่องในวันภูเขา

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับความกังวลสถานการณ์เกาหลีเหนือที่ย้ำแผนโจมตีเกาะกวมเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อดักงบ Q2/17 ที่กำลังทยอยประกาศจะช่วยพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัวได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,560 – 1,565 จุดก่อนจะสลับเด้งรีบาวด์

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy

- PDI ราคาสังกะสีทำ High ในรอบ 4 เดือนล่าสุด 2,960 US/Ton

- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวระดับสูงล่าสุด 95.8 US/Ton

- PLE เซ็น MOU ขายหุ้นทั้งหมดใน"บำรุงเมืองพลาซ่า"ให้"ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป"มูลค่า 2.1 พันลบ.

- กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางทำ High ในรอบ 3 เดือนล่าสุด 1,092 จุด

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q2/17 จะเติบโตขึ้น CK BPP BANPU RS LH BIZ

หุ้นแนะนำพิเศษ

BANPU (ราคาปิด 17.10 Bloomberg consensus 22.21)

• Bloomberg Consensus คาดกำไร 2Q60 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท +74%QoQ แม้ว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกจะปรับตัว 4%QoQ สู่ระดับ 78.9 ดอลลาร์ต่อตัน แต่คาดว่าผลกระทบด้านลบจากค่าเงินบาทจะไม่มากเท่า 1Q60 โดยทั้งปี Consensus คาดกำไรราว 8.8 พันล้านบาท +429YoY

• ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น 29%QTD แตะระดับสูงสุดในรอบปีที่ 95 $/Ton จากสถานะการณ์น้ำท่วมใหญ่ทางจีนตอนใต้ที่เริ่มขยายวงกว้างไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของจีนส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ต้องหันมาใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม

• ความเห็น ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบจากข่าวคดีความหงสาไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. กว่า 15% เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ เพราะบริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหิน 50% และอีก 50% อ้างอิงตามราคาถ่านหิน

หุ้นมีข่าว

BCP (ราคาปิด 36 Bloomberg consensus 39.73) รายงานกำไร 2Q60 อยู่ที่ 993 ล้านบาท -59%YoY และ -52%QoQ เนื่องจากค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง 0.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสู่ระดับ 6.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามส่วนต่างน้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเบนซินที่ลดลง นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบอีก 1.1 พันล้านบาทคอยกดดันผลประกอบการเพิ่มเติม ด้านธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมันกำไรอ่อนตัวลงตามค่าการตลาดที่ลดลงจากค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้น และธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ผลประกอบการเติบโตตามการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากญี่ปุ่น 2 โครงการกำลังการผลิต 19.3 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สหกรณ์กำลังการผลิต 12 MW

PPS (ราคาปิด 1.67 ซื้อ ราคาเหมาะสม 2.07) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 19.5 ล้านบาทเติบโต 38%QoQ และ เติบโต 951%YoY โดยรายได้เติบโตขึ้น 47%YoY เนื่องจากรับรู้งานโครงการในขนาดใหญ่ทั้งไอคอนสยาม สุวรรณภูมิเฟส 2 และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 1Q60 ที่ 21% สู่ 27% เพราะการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น นอกจากนี้ไม่มีการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวน 6 ล้านบาทเหมือนใน 2Q59 และมีการโอนกลับหนี้สงสัยจะสูญอีก 1.5 ล้านบาท

SYNTEC (ราคาปิด 4.98 ซื้อ ราคาเหมาะสม 6.26) รายงานกำไร 2Q60 ที่ 262 ล้านบาทเติบโต 4%QoQ และ เติบโต 35%YoY เนื่องจากรายได้จากการก่อสร้างเติบโตขึ้น 25%YoY ตามปริมาณงาน Backlog ในมือที่มีอยู่กว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวในระดับสูงที่ 21% เพิ่มขึ้นจาก 2Q59 ที่ 18% เนื่องจากทางบริษัทประมูลงานใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและลดความบกพร่องของงานได้ดีขึ้น

ECF (ราคาปิด 4.18 ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.06) รายงานกำไร 2Q60 ที่ 4.9 ล้านบาท -73%QoQ +23%YoY เนื่องจากไตรมาส 2 เป็นช่วง low season ทำให้ยอดขายอ่อนตัวลงจากไตรมาส 1 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังทรงตัวที่ 84 ล้านบาทจากการขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้า ธุรกิจค้าปลีก

(-) TRC (ราคาปิด 1.21 ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.53) กระทรวงการคลังยังวนในอ่าง PTTGC งอแง ส่อไม่เข้าร่วมทุนอาเซียนโปแตชชัยภูมิ หรือ APOT หลังครม.มีมติให้ไปหาบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจมาถือหุ้นร่วมกับคลัง ล่าสุดอยู่ระหว่างแก้สัญญาเดิม เปิดทางนอมินี ขณะที่ทีอาร์ซีต้องรอเพลงรอลากไปปีหน้า(ที่มาข่าวหุ้น)

HARN (ราคาปิด 3.38 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.00 บาท) กำไร 2Q60 ออกมาที่ 31 ล้านบาท เติบโต 12 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 18.8%QoQ จากรายได้รวมเติบโต 172%YoY เป็นผลจากการควบรวม บมจ.ชิลแมทช์ (CM) ตั้งแต่งวด 1Q60 ทำให้ได้ฐานสินค้าใหม่ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้าเดิม (20 - 25%) 2 รายการ คือ ระบบทำความเย็น (อัตรากำไรขั้นต้น 26 - 29%) และระบบพิมพ์ดิจิตอล (อัตรากำไรขั้นต้น 34 - 38%) นอกจากนี้ รายได้จากสินค้าใหม่ยังเติบโต 16.8% QoQ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมเพิ่มขึ้นจาก 22.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 28.3% นอกจากนี้ ยังเห็นผลจากกลยุทธ์การลดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้ Facility ร่วมกัน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายบริหารต่อรายได้รวมลดลงจาก 21.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 17.4%

ภาพ 1H60 ซึ่งมีการเติบโตก้าวกระโดด 260%YoY ซึ่งคิดเป็น 54% ของประมาณการ ขณะที่ 2Q60 ที่มีการเติบโตในระดับสูงดังกล่าวเป็นช่วง Low season ของธุรกิจ ฝ่ายวิจัยจึงเชื่อว่าการเติบโตก้าวกระโดดเกิน 1 เท่าตัว จะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นซ้ำในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแน่นอนจากผลของการควบรวม อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 60 ตามหลักอนุรักษ์นิยม คือ เติบโต 159%YoY มาที่ 105 ล้านบาท ปัจจุบันประเมินราคาเหมาะสมที่ 4.00 บาท Upside 18.3% และ Yield อีกราว 4% ยังมี Upside risk จากการขยายสาขาไปต่างประเทศที่ยังอยู่ระหว่างติดตามผลงานความสำเร็จในช่วงนี้

LIT (ราคาปิด 12.10 ซื้อ ราคาเหมาะสม 14.20) แจ้งกำไร 2Q60 เท่ากับ 36.6 ลบ.+46%yoy 1H60 กำไร 71 ลบ. +57%yoy โดยมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 2,694 ลบ. +39%yoy สำหรับ %NPL ใน 2Q60 อยู่ที่ระดับ 4.34% และบริษัทตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 3.08% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ จาก 2.9% ณ ปลาย 1Q60

   ความเห็น กำไรดีมากตามคาด กำไรครึ่งปีคิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 150 ลบ. ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณโดยมีแนวโน้มปรับขึ้นหากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 17 ส.ค.มีมุมมองที่ดีกว่าเดิม

STEC คว้างานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ นครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน หลังเสนอราคาต่ำสุดที่ 7,520 ล้านบาท

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -204.69 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,844.01 จุด ร่วงลง 204.69 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,438.21 จุด ลดลง 35.81 จุด หรือ -1.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,216.87 จุด ลดลง 135.46 จุด หรือ -2.13% โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดเกาหลีเหนือได้ออกมาเน้นย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเมซีส์ อิงค์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.97 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. อันเนื่องมาจากลิเบียและไนจีเรียได้ปรับเพิ่มการผลิต