“ดีเคเอสเอช”ชูการตลาดภาคสนามเสริมแกร่ง

“ดีเคเอสเอช”ชูการตลาดภาคสนามเสริมแกร่ง

“ดีเคเอสเอช” เดินหน้าขยายธุรกิจ ส่งเครื่องมือการตลาดภาคสนาม “DSFM” (DKSH Smollan Field Marketing) เพิ่มขีดแข่งขันให้คู่ค้า ด้วยทีมงานและระบบบริหารจัดการสินค้าบนชั้นวาง ลดปัญหาขาดสต็อกเหลือ 5%

เลียวนาด ตัน รองประธานกรรมการบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการขยายตลาดและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ดีเคเอสเอช นำเครื่องมือบริการการตลาดภาคสนามมาให้บริการกับคู่ค้า ผ่านบริษัท ดีเคเอสเอช สมอลลาน ฟิลด์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ DSFM โดยเครื่องมือนี้จะช่วยทำการตลาดและสร้างยอดขาย ณ จุดขาย และยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มการบริการของดีเคเอสเอชมากขึ้น เป็นบริการครบวงจรถึงปลายทาง จากเดิมที่ให้บริการคู่ค้าเฉพาะช่วงต้นทาง เช่น การรับสินค้า จัดเก็บสินค้าเข้าคลัง และกระจายสินค้าผ่านร้านค้าทั่วประเทศ

รูปแบบการทำงานของบริการการตลาดภาคสนาม จะเชื่อมโยงเทคโนโลยี SMART กับสมาร์ทโฟนของทีมงานภาคสนามที่บริษัทส่งไปช่วยส่งเสริมการตลาดไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรด หรือเทรดดิชั่นเนลเทรด เพื่อรายงานข้อมูลสำคัญให้แก่คู่ค้าแบบเรียลไทม์ เช่น รายงานสินค้าที่หมดจากชั้นวาง ปัญหาการเติมสินค้าและโปรโมชั่นที่อยู่ระหว่างนำเสนอ 

รายงานดังกล่าวจะส่งไปยังทีมขายของดีเคเอสเอชเพื่อทำการวิเคราะห์อีกด้วย นอกจากนี้นักการตลาดภาคสนามจะออกคำสั่งแนะนำปริมาณสินค้าที่เหลือน้อยเพื่อป้องกันการขาดตลาดโดยเฉพาะสินค้าช่วงโปรโมชั่น รวมถึงการบันทึกคำสั่งซื้อเพื่อส่งต่อให้ทีมบริหารของดีเคเอสเอช และคู่ค้า

“DSFM จะตรวจดูรายละเอียดทุกอย่าง เช่น ความเรียบร้อยของสินค้าในร้านก่อนเวลาเปิดทำการ, ตรวจดูและบันทึกสินค้าที่หมดและสินค้าที่เหลือน้อยบนชั้นวาง ตรวจสอบสินค้าโปรโมชั่น ขั้นตอนการนำสินค้าออกจากคลังสินค้ามาเติม ตรวจสอบการเติมสินค้าให้เต็มชั้นวาง ขั้นตอนการประสานงานและรายงานการจัดแสดงโปรโมชั่นอย่างสร้างสรรค์ตามดิสเพลย์ที่แบรนด์คู่ค้าจัดนำเสนอพิเศษ”

บียอร์น ครุยเซนกา ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ดีเคเอสเอช สมอลลาน ฟิลด์ มาร์เก็ตติ้ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทร่วมทุนของดีเคเอสเอช กล่าวว่า จากผลการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าทันที ณ จุดขาย กว่า 70% ส่วนผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อสินค้าภายหลังมีสัดส่วนกว่า 20% แต่ต้องมีปัจจัยอื่นกระตุ้น รวมถึงพบว่า 10% ของผู้ที่เดินเข้ามาซื้อสินค้า (ชอปเปอร์) จะออกจากหน้าจุดขายไปแบบมือเปล่า กรณีที่สินค้าที่ต้องการนั้นหายาก

“เรามุ่งเน้นช่วยเหลือให้มียอดขายเพิ่มขึ้น ด้วยการเริ่มเปลี่ยนผู้บริโภค ไปสู่ชอปเปอร์ และเปลี่ยนไปสู่ผู้หยิบซื้อสินค้าในท้ายที่สุด โดยการบริการของเราจะแตกต่างจากทีมจัดวางสินค้าตามร้านค้าทั่วไป เพราะจะช่วยดูแลงานขาย ณ จุดขายและรายงานข้อมูลให้แบรนด์คู่ค้ารับทราบเป็นพิเศษ”

ขณะนี้มีคู่ค้าแบรนด์สินค้าในไทยใช้บริการ DSFM แล้วกว่า 500 บริษัท ซึ่งพบว่าหลายรายมีปัญหาขาดสินค้าบนชั้นวางลดลงเหลือเพียง 5% เท่านั้น เมื่อเทียบช่วงที่ไม่ได้ใช้บริการที่มีสัดส่วน 10-15%

ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานภาคสนามในไทยกว่า 1,700 คน ให้บริการตามร้านค้าปลีกมากกว่า 8,000 แห่ง และยังให้บริการในต่างประเทศด้วยคือ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย ฮ่องกง และไต้หวัน

สาริศ เกษมเศรษฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีเคเอสเอช สมอลลาน ฟิลด์ มาร์เก็ตติ้ง ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จำนวนร้านค้าที่การให้บริการกว่า 8,000 แห่งนั้น เป็นร้านสะดวกซื้อหรือคอนวีเนียนสโตร์ 7,000 แห่ง และเชื่อว่าจะเติบโตได้อีกมาก และตั้งเป้าหมายขยายบริการไปร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในกรุงเทพฯ ให้ครบทุกสาขา ภายใน 3 เดือนจากนี้

ทั้งนี้รูปแบบการเข้าไปดูแลร้านค้าเซเว่นจะแตกต่างจากทีมงานที่ดูแล ณ จุดขายภายในห้างสรรพสินค้า เพราะขนาดพื้นที่ค่อนข้างเล็ก แต่มีรายละเอียดให้ตรวจสอบแตกต่างจากห้างฯ ดังนั้นระยะเวลาทำงานจะแตกต่างกัน 

 “เมื่อสินค้าหมดจากชั้นวาง และมีทีมงานช่วยตรวจสอบและเติมสินค้าทันที ก็ช่วยให้คู่ค้าไม่เสียโอกาสทางการตลาด หรือเสียโอกาสการแข่งขันกับแบรนด์สินค้าคู่แข่ง”