ไทยแอร์เอเชียรุกเส้นทางที่3เวียดนามชูดานังชิงไฮเอนด์

ไทยแอร์เอเชียรุกเส้นทางที่3เวียดนามชูดานังชิงไฮเอนด์

ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวเวียดนามเดินทางมาไทยแล้วกว่า 3.6 แสนคน เติบโตกว่า 14.35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นประเทศอาเซียนที่ขยายตัวสูงสุด

แต่พื้นที่ศักยภาพแห่งใหม่ที่ต้องน่าจับตามองคือ ภาคกลาง ซึ่งมีเมืองใหญ่อันดับ 3 อย่าง “ดานัง” เป็นศูนย์กลางในการโยงเมืองร่วมภูมิภาค ฮอยอัน และ เว้ มาไว้ด้วยกัน ที่จะเติบโตมากขึ้นตามการขยายตัวของเที่ยวบินตรง โดยมี “ไทยแอร์เอเชีย” เป็นสายการบินที่ 3 และเป็นโลว์คอสต์รายแรกทำการบินเส้นทางตรง 1 เที่ยวบินต่อวัน และยังนับเป็นเส้นทางเข้าสู่เวียดนามลำดับที่ 3 ของไทยแอร์เอเชีย ต่อจาก โฮจิมินห์ และฮานอย สองเมืองหลักทางภาคใต้และเหนือ

สันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า หลังจากที่สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย ทดลองชิมลางเส้นทางบินตรงดานัง-กัวลาลัมเปอร์ ไปก่อนตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.และมีอัตราบรรทุกเฉลี่ยสูงกว่า 80-85% ทำให้ตั้งเป้าว่าภายใน 6 เดือนแรก เส้นทางตรงจากกรุงเทพฯ ก็จะมีอัตราบรรทุกเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 85% เช่นกัน โดยแบ่งผู้โดยสารไทยและเวียดนาม 40% เท่ากัน ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่ต้องการเดินทางเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ซึ่งหากหลังจาก 6 เดือน มีการตอบรับที่ดี ก็อาจพิจารณาเพิ่มความถี่ เพราะเส้นทางของเวียดนามในขณะนี้ ถือว่าครอบคลุมแล้วรวมกว่า 6 เที่ยวบินต่อวัน หากพิจารณาเปิดเส้นทางใหม่ ก็มีเพียงอีก 1 จุดที่น่าพิจารณาคือ นาตรัง

แม้ว่าปัจจุบัน ธุรกิจโลว์คอสต์เส้นทางเวียดนามจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น จากการรุกทำตลาดของกลุ่มเวียดเจ็ต แต่ผู้บริหารไทยแอร์เอเชียกล่าวว่า ด้วยการตลาดเวียดนามที่ชื่นชอบมาไทยมาก เช่นเดียวกับคนไทยที่ชอบไปเที่ยวเวียดนามมากขึ้น ทำให้ตลาดยังเติบโตมาก ประกอบกับสายการบินโลว์คอสต์ดังกล่าวก็มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่สุวรรณภูมิ จึงไม่ได้แข่งขันโดยตรง เส้นทางเวียดนามทุกสายของไทยแอร์เอเชีย จึงมีผู้โดยสารเพิ่มสม่ำเสมอ และยังมองการขยายไปยังหัวเมืองได้อีก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือกระทั่งอู่ตะเภา แต่อุปสรรคขณะนี้ กลับไปอยู่ที่การจัดหาสล็อตเวลาที่สนามบินโฮจิมินห์มากกว่า เพราะเริ่มมีความหนาแน่น

“การเปิดเส้นทางดานังเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เป็นครั้งแรกที่ไทยแอร์เอเชียเปิดเที่ยวบินเป็นจุดหมายที่ 3 ในประเทศเดียวกัน และยังครอบคลุมทั้งภาคเหนือ กลาง และใต้ของเวียดนาม และเป็นตัวเลือกในการเดินทางของทั้งตลาดท่องเที่ยวและการค้าการลงทุน ตามการพัฒนาขยายตัวด้านโครงสร้างพื้นฐานและท่องเที่ยวของดานังที่น่าสนใจมาก”

ด้าน เหวียน ซวง เบิ่น ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองดานัง กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวดานัง 2.4 หมื่นคน แต่ด้วยการขยายเที่ยวบินตรงเชื่อมไทยเป็น 13 เที่ยว/สัปดาห์ ในปีนี้ คาดว่าคนไทยจะเดินทางเพิ่มเป็น 2.6 หมื่นคน หรือเติบโตขั้นต่ำ 10% ก่อนที่ในอีก 1-2 ปีต่อไป จะขยายปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 1 เท่าตัว

นอกจากนั้น ด้วยเป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจาก 1.6 ล้านคนปีที่แล้วมาเป็น 2 ล้านคนในปีนี้ หรือผลักดันการเติบโตให้ได้ 35% เพื่อช่วยเสริมฐานความแกร่งจากตลาดในประเทศที่คาดว่าจะสูงถึง 4 ล้านคน หรือเติบโตกว่า 17% ทำให้เมืองดานัง วางทิศทางการการพัฒนาสาธารณูปโภค และส่งเสริมการลงทุนต่างชาติ เพื่อช่วยเสริมปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มรูปแบบ

ความเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดคือ ธุรกิจโรงแรม ที่มีแบรนด์หรูระดับโลกเข้ามายึดแนวชายหาดที่ยาวกว่า 70 ก.ม.เป็นจุดขายโดดเด่นอย่างหนึ่งของเมือง จนมีโรงแรม 5 ดาว รวม14 แห่งในขณะนี้ และกำลังจะเพิ่มเป็น 16 แห่งในสิ้นปี มีแบรนด์ชั้นนำ อาทิ อินเตอร์คอนติเนนตัล, ไฮแอท, ฮิลตัน รวมถึง เชอราตัน ที่กำลังสร้างเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ระหว่างวันที่ 11-12 พ.ย.นี้ ขณะที่ภาพรวมของโรงแรมทั่วเมืองในทุกระดับมีทั้งสิ้นกว่า 2.7 หมื่นห้อง และคาดว่าอุปทานห้องพักจะยังเพิ่มขึ้นได้ 25-30% ในอีก 1-2 ปี เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังวางมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ มาตรการภาษี รวมถึงการให้สิทธิถือครองที่ดินระยะยาว 50-70 ปี เป็นต้น

ทั้งนี้ “ดานัง อินเวสต์เมนต์ โปรโมชั่น เอเยนซี” หรือ IPA ระบุว่า ปัจจุบันมีการใช้มาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุนใน 2 รูปแบบคือ กำหนดอัตราการเสียภาษีคอร์ปอเรตในอัตราพิเศษ 10% ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง 15% หลังจากปีที่ 15 เป็นต้นไปจึงเพิ่มเป็นอัตรา 20% ส่วนอีก 1 รูปแบบ คือ การยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างที่เป็นสินทรัพย์ถาวร รวมถึงยกเว้นสินค้านำเข้า 5 ปีสำหรับกลุ่มที่ไม่สามารถผลิตหรือจัดหาได้ในประเทศ

“ระยะต่อไป ดานัง จะเน้นการสร้างจุดขายแตกต่าง มุ่งจับตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์มากขึ้น โดยชูไฮไลท์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก 2 กลุ่มที่ตอบโจทย์ ได้แก่ สนามกอล์ฟมาตรฐาน ที่มี 4 สนาม และจะเพิ่มเป็น 10 สนามในอีก 3 ปี สอดคล้องกับกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาอันดับ 1-3 ในขณะนี้อย่าง เกาหลีใต้, จีน และญี่ปุ่นที่ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้มาก ขณะเดียวกันมุ่งเน้นกลุ่มพักผ่อนเชิงสุขภาพ โดยมีสินค้าหลักเช่นรีสอร์และสปา ที่ขยายธุรกิจเกาะริมชายหาดระยะทางยาวของเมือง ขณะเดียวกัน ยังมีแม่เหล็กคือ คาสิโน 2 แห่งที่มีธุรกิจแบรนด์ระดับโลก อาทิ คราวน์ และคลับ ไนน์ตี้ไนน์ มาเปิดตลาดแล้วเช่นกัน”

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยนั้น ยังมีความสำคัญติดกลุ่ม 1 ใน 10 ต่อเนื่อง โดยนอกจากโปรโมตเมืองดานังแล้ว จะผนวกรวมเอาเมืองใกล้เคียงในภาคกลาง ได้แก่ ฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก และเว้ เข้ามารวมในเส้นทางส่งเสริมท่องเที่ยวด้วย พร้อมกับนำเสนอ “อีเวนท์” เชิงกีฬาและวัฒนธรรมมาเป็นจุดขาย เช่น ไตรกีฬา, มาราธอนนานาชาติ, เทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติ โดยเชื่อว่าด้วยพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน จะดึงดูดความสนใจให้คนไทยไปเที่ยวเวียดนามต่อเนื่อง