SAWAD - ซื้อ

SAWAD - ซื้อ

ปรับกำไรเพิ่มตามการเติบโตสินเชื่อ

ประเด็นการลงทุน

เราได้ปรับคาดการเติบโตสินเชื่อของ SAWAD เป็น 32% ในปี 2560 (จากเดิมที่ 25%) และเป็น 20% ในปี 2561 (จากเดิม 18%) หนุนโดยสินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่ 23% QoQ ในไตรมาส 1/60 จากการควบรวมพอร์ตสินเชื่อของ BFIT ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการกำไรขึ้น 6% สำหรับปี 2560 มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท และปรับขึ้น 7% สำหรับปี 2561 มาอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท SAWAD มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 31 มี.ค. ที่เพียง 1 เท่า ซึ่งห่างกับเงื่อนไขการออกตราสานหนี้ที่มีเพดานไม่เกิน 4.5 เท่าอยู่มาก (ทำให้บริษัท สามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้มากถึง 2.5 เท่าโดยไม่ต้องเพิ่มทุน) การเพิ่มประประมาณกำไรส่งผลให้เราปรับราคาเป้าหมายหุ้นปี 2560 ขึ้น 7% มาอยู่ที่ 60 บาท จากการประเมินตามเป้า PBV ปี 2560 ที่ 6.6 เท่า (ROE 33.1%, Ke 9.25% และการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 5%) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปรับประมาณการสินเชื่อเติบโตขึ้นเป็น 32% ตามสินเชื่อไตรมาส 1/60

สินเชื่อเติบโตถึง 23% QoQ ในไตรมาส 1/60 ทำให้เราจึงปรับประมาณการสินเชือเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 32% จากเดิม 25% เพื่อสะท้อนการควบรวมกับ BFIT (เปลี่ยนชื่อเป็น ”บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)”) ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยังคงเป้าหมายสินเชื่อเติบโตปี 2560 ในช่วง 20-30% ปัจจุบัน SAWAD กำลังขยายการให้สินเชื่อกับธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME (คิดเป็น 20% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ วันที่ 31 มี.ค. โดยมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน) เราคาดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะกว้างขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป หลังจากที่ตกลงมาอยู่ที่ 20% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นผลมาจากการควบรวมพอร์ตสินเชื่อกับ BFIT โดยเราประเมินส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ SAWAD ที่ 22% สำหรับทั้งปีนี้และปีหน้า อย่างไรก็ตาม เรามองว่ายังมีอัพไซด์จากการที่บริษัทใช้ BFIT ในการหาแหล่งต้นทุนการเงินที่ถูกกว่าของ SAWAD

การซื้อทรัพย์สินที่ไม่ก่อรายได้อาจเป็นอัพไซด์ในปีนี้และปีหน้า

SAWAD มีแผนที่จะซื้อหนี้อีก 3 พันล้านบาท (ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ในปีนี้ ณ สิ้นเดือน มี.ค. บริษัทมีทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากการลงทุน 2.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้นำปัจจัยนี้เข้ามาในประมาณการของเรา เนื่องจากกำไรจากธุรกิจนี้ยากที่จะคาดการณ์ โดยปกติทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้ผลตอบแทนประมาณ 25% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของ SAWAD เล็กน้อย – แต่หากกิจการสามารถขายสินทรัพย์ดังกล่าวได้หมดที่อัตราผลตอบแทน 25% SAWAD จะมีการรับรู้กำไร 600 ล้านบาท

ปรับโครงสร้างหนุนการเติบโตระยะยาว

นโยบายของ SAWAD จะพยายามให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเกฑณ์ของธนาคารแห่งปรเทศไทยมากขึ้นหลังจากเข้าซื้อหุ้น BFIT ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูและของธนาคารแห่งประเทศไทย การเริ่มเขาไปอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยจะช่วยหนุนบริษัทลูกในต่างประเทศของบริษัทในการทำธุรกิจต่างประเทศ เช่น เวียดนาม, ลาว และ พม่า เพื่อขอใบอนุญาตและการค้ำประกันการมีตัวตนของกิจการ ณ ปัจจุบัน บริษัทได้ปล่อยเงินกู้ 800 ล้านบาทในประเทศดังกล่าว (ไม่ได้นำมาคิดในประมาณการ) SAWAD มีแผนที่จะเพิ่มเครือข่ายสาขาในต่างประเทศดังนี้ ในประเทศเวียดนามจาก 4 สาขาเป็น 10 สาขา, ประเทศพม่าจาก 4 เป็น 8 สาขา, และลาวเป็น 2-3 สาขาจากไม่มีเลย กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่กระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อในประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน (country risk) แต่จะหนุนกำไรให้ SAWAD ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อดังกล่าว