กรุงไทยเปิดแผนปี60รุกธุรกิจ18กลุ่มจังหวัด-เชื่อมค้าชายแดน

 กรุงไทยเปิดแผนปี60รุกธุรกิจ18กลุ่มจังหวัด-เชื่อมค้าชายแดน

ธนาคารยังมุ่งสร้างกำไรต่อเนื่อง แต่ปีนี้ยังมีความท้าทายหลัก คือการปรับเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมการเงิน และพฤติกรรมผู้บริโภค

ปี2560 เป็นปีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้การลงทุนภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนับล้านล้านบาทโดยเฉพาะด้านระบบการขนส่ง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าอีกหลายเส้น ขณะเดียวกันยังมีงบกลางปีที่จะพัฒนาไปในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยจะให้18 กลุ่มจังหวัดใหญ่เป็นแกนหลักในการกระจายเงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากภายใน ทำให้หลายธนาคารพาณิชย์เล็งเห็นโอกาสที่จะทำธุรกิจจากการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งรวมถึงธนาคารกรุงไทย ธนาคารที่ม่ีสินทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของไทยที่ประกาศปักธงธุรกิจในปีนี้มุ่งเน้นสินเชื่อภาครัฐและสินเชื่อที่เกี่ยวโยงกับการลงทุนภาครัฐ และการค้าชายแดน รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดต่างๆ ด้วย

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าไม่เพียงสินเชื่อภาครัฐและการค้าชายแดนเท่านั้นที่ธนาคารจะมุ่งเน้นในปีนี้ แต่ยังจะให้ความสำคัญกับดิจิทัล แบงกิ้งด้วย หลังจากรัฐบาลกดปุ่มระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือเนชั่นแนล อีเพย์เม้นท์ไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

สำหรับในปีนี้ ทิศทางของธนาคารยังมุ่งสร้างกำไรต่อเนื่อง แต่ปีนี้ยังมีความท้าทายหลัก คือการปรับเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมการเงิน และพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้ธนาคารต้องเร่งพัฒนาด้านไอที โดยจะใช้เงินเพื่อลงทุนระบบไอทีราว 5 พันล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตามหากเทียบกับบางธนาคารอาจะดูเหมือนกว่าธนาคารลงทุนระบบไอทีน้อยกว่า และช้ากว่า แต่การลงทุนที่ช้ากว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียเปรียบธนาคารอื่นเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าสามารถที่จะนำระบบเทคโนโลยี่ไปต่อยอดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่ ดังนั้นในปีนี้จะต้องเน้นเพื่อต่อยอดจาการลงทุนไอทีในการออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบโจกย์ลูกค้าและต้องให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

ดังนั้นภารกิจของงธนาคาร ในความเป็นไฮบริดแบงก์คือ การเป็นพันธมิตรของรัฐบาลในการขับเคลื่อนตลาดเงิน ซึ่งเป็นความได้เปรียบอย่างที่ธนาคารอื่น ซึ่งแผนงานของธนาคารในปีนี้คือ การนำระบบการชำระเงิน หรือ  อี-เพย์เมนต์ ที่ภาครัฐพยายามจะทำโครงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-payment) โดยที่ธนาคารกรุงไทยในฐานะเป็นไฮบริดแบงก์ก็จะเป็นตัวหลัก ร่วมกับธนาคารพาณิชย์อื่น 

และอีกแผนงานคือการสร้างความเติบโตด้านสินเชื่อ ซึ่งจะจะเติบโตมาจากโครงการต่างๆของภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงการรุกใน 18 กลุ่มจังหวัดที่งบภาครัฐจะนำลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเน้นการค้าชายแดน ซึ่งจะเป็นอีกยุทธศาสตร์หลักของธนาคารเพื่อทำหน้าที่เชื่อมการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซีแอลเอ็มวี เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น

“เราจะนำกรุงไทยให้เข้าไปมีบทบาทใน 18 จังหวัดตามตะเข็บชายแดน ซึ่งแต่ละจังหวัด เรามีประมาณ 15 สาขา รวมแล้วเกือบ 300 สาขาโดย 18 จังหวัดนี้ เราต้องเข้าใจพื้นที่แต่ละจุดว่าเป็นการค้าประเภทไหน เราจะเอาระบบชำระเงินไปช่วยลูกค้า เพื่อให้เปลี่ยนเงินจากมือหนึ่งไปสู่มือหนึ่งได้สะดวก หรือสนับสนุนผู้ประกอบการให้ทำธุรกิจข้ามชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถ้าลูกค้ามั่งคั่งแล้ว เราก็เป็นแหล่งให้ลูกค้านำเงินมาให้เราบริหาร รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย ส่วนการค้าชายแดน เน้นการค้าที่สามารถวิ่งสู่ซีแอลเอ็มวีและกลับมาสู่ไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น

นายผยงกล่าวว่า กรุงไทยยังมีบทบาทที่สำคัญในการช่วยรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประเทศ ลงพื้นที่เจาะตลาดลูกค้าแต่ละจุดของจังหวัด แต่ละภาค ว่าเป็นจุดหลักทางเศรฐกิจด้านไหน ธนาคารจะเข้าไปเป็นกลไกหลักในการปล่อยสินเชื่อ และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเงินทุนมากขึ้นโดยเฉพาะ ปีนี้ธนาคารจะโฟกัสไปที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทางตะเข็บชายแดน โดยจะเน้นการผสมผสานของทุกภาคส่วนของธนาคารกรุงไทยในการช่วยให้ได้ประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพได้เต็มที่ อีกทั้งบริษัทในเครือจะต้องตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ไปในเป้าหมายเดียวกันได้อย่างใกล้ชิดที่สุด ทั้งหมดเพื่อการเติบโตของธนาคารกรุงไทยอย่างมั่งคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ในส่วนดิจิทัลแบงก์กิ้ง จะเน้นประสิทธิภาพการทำงาน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากที่สุดเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพความพึงพอใจของลูกค้า ส่วนงานด้านภายนอก จะต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์เดิมในรูปแบบใหม่ หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ในบริบทใหม่ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยตัว ฟินเทค หรือเทคโนโลยี่ ไฟแนนเชียล คือหนึ่งในเครื่องมือที่จะทำให้เข้าสู่การปรับตัวสู่ดิจิทัล แบงกิ้ง ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายผยงกล่าววว่า ธนาคารจำเป็นต้องมีความเข้าใจวัตถุประสงค์การนำฟินเทคมาปรับใช้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และทำองค์กรให้พร้อมจะเชื่อมต่อฟินเทคอื่นๆ ในโลก ไม่เพียงแต่เชื่อมแต่คนอื่น แต่ตัวเองต้องพร้อมเพื่อให้คนอื่นมาเชื่อมต่อแบงก์ ซึ่งเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ในการนำข้อมูลมาใช้ ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อให้คงความเป็นธนาคารผู้นำในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ทุกวันนี้แข่งด้วยข้อมูล การใช้ทรัพยากรอย่างมากคุณค่า ก็ต้องอยู่บนคำถามของการมีข้อมูลที่ทำให้แบงก์เข้าใจ ลูกค้าได้ประโยชน์ และคู่เทียบของธนาคารเป็นอย่างไรด้วย