TICON - ซื้อ

TICON - ซื้อ

ดีลเสร็จสิ้น พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ

ประเด็นการลงทุน

ดีลเข้าซื้อได้ลุล่วงไปด้วยดี โดยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT) ได้ทำการชำระเงินสดจำนวน 13,230 ล้านบาทสำหรับหุ้นใหม่ 735 ล้านหุ้น ตามที่เราคาดการณ์ไว้ เรามองว่าเข้าซื้อในครั้งนี้จะเปิดประตูต่อ TICON ในการแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ โดยเงินทุนจากการเข้าซื้อกิจการจะช่วยสร้างรากฐานธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อยอดไปในอนาคต ในขณะเดียวกันผู้บริหารคณะใหม่ซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้ที่มีความชำนาญและความสามารถจะหนุนให้บริษัทขยับขยายกิจการออกไปยังต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้นอกจากการเข้าซื้อกิจการที่จะทำให้แนวโน้มการเติบโตสดใสแล้ว ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ของบริษัทก็มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเร่งเช่นเดียวกัน ดังนั้น TICON ยังคงเป็นหุ้นที่เราชื่นชอบที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ดีลเสร็จสิ้น พร้อมเดินหน้าตามแผน

จากข้อตกลงระหว่าง TICON และ FPHT ที่เสร็จสิ้น ณ วันที่ 16 ม.ค. ทางกลุ่ม FPHT ได้ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว และผู้บริหารคณะใหม่จะเริ่มดำเนินงานในทันที ถึงแม้ว่าผู้บริหารบางท่านจากคณะกรรมการคณะเดิมจะได้ลาออกไป แต่เรามองว่าผู้บริหารคณะใหม่ (รูปที่ 1) ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ลและธุรกิจโลจิสติกส์ จะสามารถนำพาบริษัทให้ประสบความสำเร็จได้

การเพิ่มทุน : ปรับลดหนี้พร้อมหนุนการเติบโตระยะยาว

จากแผนการในการจัดสรรทุนมากถึง 8.8 พันล้านบาท ( 66% ของทุน) เพื่อปรับลดหนี้ เรามองบริษัทไม่มีความจำเป็นในการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เพื่อหนุนการกระแสเงินสดดำเนินการของบริษัทอีกต่อไป นั่นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ TICON มีโอกาสขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ส่วนใหญ่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท ขณะที่เราประเมินอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มก้าวกระโดด จาก 28% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 46% ในปี 2562 ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นมีอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ยต่อปีที่ 31% ในช่วงเดียวกัน

การควบรวมกิจการส่งผลให้แนวโน้มอัพไซด์เพิ่มขึ้น

การควบรวมกิจการจะทำให้การดำเนินงานของ TICON กลับไปสู่เฟสขยายกิจการอีกครั้ง เนื่องจาก FPHT เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจ TCC ที่อุปสงค์ด้านโลจิสติกส์อยู่ในช่วงขาขึ้นพร้อมกับการขยายกิจการ เรามอง TICON มีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากการโยกย้ายพื้นที่เช่าของกลุ่มจากผู้ประกอบการรายอื่นได้ โดยเราคาดการณ์เชิงอนุรักษ์นิยมถึงอุปสงค์การโอนย้ายของพื้นที่เช่าราว 200,000 ตารางเมตร ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าดังกล่าวจะหนุนกำไรของบริษัทในปี 2560 ขึ้นจากประมาณการของเราราว 372 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยุ่ประมาณ 93 ล้านบาท (อ้างอิงจากข้อมูลอัตรากำไรสุทธิในอดีตที่ 24.9% ) หรืออยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ นอกจากเทคโนโลยีใหม่ๆที่ TICON สามารถเรียนรู้จากลุ่มจะทำให้ บริษัทสามารถเข้าเจาะตลาดใหม่ได้ ตัวบริษัทเองก็ได้พิสูจน์ถึงผลการดำเนินกิจการในประเทศอินโดนิเซียที่คืบหน้าได้ดี โดยบริษัทวางแผนที่จะขยายพื้นที่เช่ามากกว่าสองเท่าในสองสามปีหน้า ซึ่งเรามองปัจจัยดังกล่าวจะเป็นอัพไซด์ต่อกำไรบริษัทในระยะยาว

ยังมีพื้นที่เติบโตอีกมาก

แม้ว่าในปัจจุบัน TICON จะอยู่อันดับหนึ่งในด้านการให้เช่าพื้นที่ หากแต่ยังมีความมุ่งมั่นในการขยายกิจการต่อเนื่อง โดยการเข้าซื้อที่ดินในตลอดเวลาสองสามปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทอยู่ในสถานะที่พร้อมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันที่ดินที่มีการเช่าคิดเป็นเพียง 16% ของที่ดินทั้งหมด ขณะที่อีก 71% ของที่ดินทั้งหมดยังเป็นที่ที่พร้อมพัฒนา ทั้งนี้เรามองว่าที่ดินที่ยังว่างเปล่าจำนวนมากจะช่วยหนุนให้ TICON เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้