'เชาว์สตีล'ยันตั๋วบีอีไร้ปัญหาครบสัญญาไถ่ถอนทันที

'เชาว์สตีล'ยันตั๋วบีอีไร้ปัญหาครบสัญญาไถ่ถอนทันที

“เชาว์สตีล”ยันตั๋วบีอีไร้ปัญหาครบสัญญาไถ่ถอน ระบุมีเงินพร้อมเต็มหน้าตัก

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ CE บริษัทย่อย เปิดเผยถึงกระแสข่าวเรื่องตั๋วบีอี (Bill of Exchange) ที่กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ว่า ขอยืนยันว่าตั๋วบีอี ที่ออกโดยบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด 

บริษัทได้เตรียมเม็ดเงินไว้สำหรับชำระคืนตั๋วบีอีที่ถึงกำหนดชำระเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเดือนม.ค.นี้ตั๋วบีอีของบริษัทมีกำหนดชำระคืน 600 ล้านบาท และบริษัทได้เริ่มทยอยคืนมาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.2560 จำนวน 150 ล้านบาท วันที่ 12 ม.ค. จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะครบกำหนดคืนในวันที่ 19 และ 26 ม.ค.2560 ซึ่งได้เตรียมเม็ดเงินไว้พร้อมแล้วเช่นเดียวกัน

“ผมขอยืนยันว่าตั๋วบีอีของเชาว์สตีล ไม่มีปัญหาแน่นอน และลูกค้าทุกคนได้ทราบแล้วเป็นอย่างดี โดยก่อนจะถึงครบกำหนดชำระประมาณ 2 สัปดาห์ บริษัทฯจะติดต่อไปยังผู้ลงทุนเพื่อสอบถามความสมัครใจว่าต้องการต่ออายุหรือไม่ และถ้าต้องการรับเงินคืนบริษัทฯ ก็พร้อมชำระตามกำหนดทุกครั้งไป ไม่เคยผิดนัดชำระแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราเชื่อว่านักลงทุนเข้าใจ เพราะที่ผ่านมา CHOW ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา และเงินทุกบาททุกสตางค์เรานำไปขยายธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อนักลงทุนไว้ จะเห็นได้จากธุรกิจพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเรามีกำหนดจะขายไฟเพิ่มอีก 12 เมกะวัตต์ หลังจากที่เริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างไปเมื่อไตรมาส 3/2559 ที่ผ่านมา” นายอนาวิลกล่าว

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ ชิมาเนะ (Shimane) ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ในจังหวัดชิมาเนะ เกาะฮอนชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ โดยมีกำหนดจะเชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) กับการไฟฟ้าญี่ปุ่น ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะทำให้ CHOW มียอดขายไฟเชิงพาณิชย์แล้วถึง 42 เมกะวัตต์

“โรงไฟฟ้าชิมาเนะ เป็นโครงการที่ต่อเนื่องจากโครงการแรกที่รับรู้รายได้ไปแล้ว ทำให้ในจังหวัด ชิมาเนะ CHOW มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิตรวมถึง 23 เมกะวัตต์ ถือเป็นขนาดใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันในปัจจุบัน และในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีโครงการอื่นเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากยังคงเหลือพื้นที่ในการติดตั้งเพิ่มได้ถึง 90%” นายอนาวิลกล่าว

ภายในปี 2560 บริษัทมีเป้าหมายจะขยายธุรกิจพลังงานอย่างเต็มกำลัง หลังจากได้รับการสนับทางการเงินเป็นอย่างดีจากธนาคารชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ที่เมื่อไตรมาส3 ปี 2559 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 9,880 ล้านเยน หรือ 3,360 ล้านบาท และ 1,307 ล้านบาท 

สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัวขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษอย่างไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดญี่ปุ่น และบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจและตลาดนี้เป็นอย่างดี โดยมีแผนว่าก่อนสิ้นปี 2560 เชาว์ กรุ๊ป จะมียอด COD รวมไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจปี 2560 จะเป็นอีกปีที่ยอดเยี่ยมของเชาว์ กรุ๊ป