ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ เปิดทำการปีใหม่ เตือนระวังคดีเมาแล้วขับ

ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ เปิดทำการปีใหม่ เตือนระวังคดีเมาแล้วขับ

'โฆษกศาลยุติธรรม' ระบุวันหยุดยาวปีใหม่ ศาลทั่วประเทศยังเปิดทำการตัดสินคดีอาญา คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน เตือนคดีเมาขับ-เสพขับ โทษไม่เบา

KEY

POINTS

  • ศาลยุติธรรมทั่วประเทศเปิดทำการในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
  • โฆษกศาลยุติธรรมเตือนประชาชนให้ระวังคดีเมาแล้วขับ ซึ่งมีสถิติการฟ้องร้องต่อศาลสูงในช่วงเทศกาล
  • คดีเมาแล้วขับมีบทลงโทษรุนแรงทั้งจำคุก ปรับ และพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่ โดยโทษจะหนักขึ้นหากทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2568 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า วันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกๆ ปี จะมีสถิติของการกระทำความผิดที่ถูกฟ้องต่อศาลเป็นจำนวนมาก คือความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเฉพาะ เมาแล้วขับ ตามมาตรา 43 (2) ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ซึ่งมีบทลงโทษอยู่ในมาตรา 160 ตรี ว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องรับโทษเพิ่มขึ้นคือจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี และปรับตั้งแต่  20,000-100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่  ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปีและปรับตั้งแต่ 40,000 -120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปีและปรับตั้งแต่ 60,000 -200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

อีกข้อหาหนึ่งที่ถูกฟ้องมามาก คือขับรถและเสพยาเสพติด ซึ่งมาตรา 43 ทวิ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฏหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฏหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท โดยมีการกำหนดโทษไว้ในมาตรา 157/1 วรรคสองว่าต้องระวางโทษสูงกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ และกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทอีกหนึ่งในสาม และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

ซึ่งสัดส่วนโทษที่เป็นฐานที่ศาลจะลงโทษผู้เสพยาเสพติดขณะขับขี่ คือจากที่ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 162 ให้ระวางโทษผู้เสพยาเสพติดให้โทษ จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ดังนั้นเมื่อต้องพิจารณาเพิ่มโทษหนึ่งในสาม ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดจะมีโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี 4 เดือน หรือปรับไม่เกิน 26,666.66 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โฆษกศาลยุติธรม กล่าวด้วยว่า ช่วงวันหยุดราชการ ศาลยุติธรรมทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นศาลจังหวัดหรือศาลแขวง จะมีการเปิดทำการในช่วงวันหยุดเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมไม่หยุดชะงักและสามารถที่จะคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้แก่ประชาชนได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการผัดฟ้อง ฝากขัง รับและส่งตัวผู้ถูกจับตามหมายจับ พิจารณาคำร้องขอออกหมายค้น หมายจับ พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราว การรับชำระค่าปรับในคดีอาญาและออกหมายปล่อย รวมถึงกรณีอื่นๆ ที่เป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

ที่สำคัญคือเปิดทำการเพื่อการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลแขวง ได้แก่คดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  ที่พนักงานอัยการจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมง เช่น คดีเมาแล้วขับแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เป็นต้น

ส่วนศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วประเทศ ก็จะเปิดทำการเพื่อออกหมายค้นและหมายจับ การตรวจสอบการจับกุมและการรับมอบตัว การรับและส่งตัวผู้ถูกจับตามหมายจับ การพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราว การรับชำระค่าปรับในคดีอาญา การออกหมายปล่อยและกรณีอื่นๆ อันเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน การดำเนินการเช่นนี้ถือว่าศาลยุติธรรมจะพยายามให้ความยุติธรรมไม่มีวันหยุด