BKD - ซื้อ

BKD - ซื้อ

คาดเงินปันผลสูงโดดเด่น

ประเด็นการลงทุน

BKD ยังคงเป็นบริษัทที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จาก 1) คาดกำไร 4Q16 มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของปีที่ 70 ล้านบาท และ 2) เงินปันผลจากการดำเนินงานที่คาดสูงโดดเด่นราว 3-4% 3) มีโอกาสได้รับปันผลพิเศษจากการขายที่ดินกรุงเทพกรีฑาราว 488 ล้านบาท ดังนั้นเราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท (จากมูลค่าธุรกิจรับเหมาฯ ที่ 3.10 บาท/หุ้น P/E 23.5 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยในอดีต คาดการฟื้นตัวของธุรกิจหนุนให้ราคาหุ้นเทรดที่ค่าเฉลี่ยในอดีตได้ และมูลค่าเงินสดจากการขายที่ดินกรุงเทฑกรีฑาราว 0.40 บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่รวมถึงมูลค่าที่ดินคูคตมูลค่าราว 600 ล้านบาท ที่อาจขายได้ในอนาคต)

ลุ้น 4Q16 ได้กลับรายการตั้งสำรอง

คาดกำไร 4Q16 มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของปีที่ 70 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 115%YoY และ 629%QoQ จากฐานต่ำ) ภายใต้สมมติฐานบริษัทสามารถกลับรายการตั้งสำรองทางบัญชีที่โดนตั้งไว้ราว 50 ล้านบาท จากงานโครงการขนาดใหญ่ที่บริษัทโดนตั้งสำรองไว้ทั้งปี หากสามารถเก็บเงินได้ทันการปิดงวดบัญชี ซึ่งเรามองว่ามีความเป็นไปได้เพราะโครงการนี้อยู่ในช่วงปิดโครงการและรอการรับชำระเงิน

อย่างไรก็ดีความเสี่ยงต่อผลประกอบการใน 4Q16 ยังคงมาจากโครงการดังกล่าว ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถรับชำระเงินได้ทัน คาดกำไรสุทธิใน 4Q16 จะอยู่เพียง 20 ล้านบาท เท่านั้น นอกจากนี้เรามองว่าการรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้มีโอกาสลดลงเป็นประมาณ 200 ล้านบาท เท่านั้น เพราะงานโครงการขนาดใหญ่ได้เสร็จสิ้นลง ซึ่งเรามองว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 10% ตามการรับรู้รายได้ที่ลดลงด้วย

ปันผลจากการดำเนินงานสูง 3-4% …

คาดเงินปันผลปกติจะยังคงอยู่ในระดับสูงราว 3.3-4.1% ภายใต้สมมติฐาน payout ratio 80-100% จากคาดกำไรปี 2016 ที่ 126 ล้านบาท เพราะจากแผนการดำเนินงานเรามองว่าปีหน้าบริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนขนาดใหญ่ เพราะศักยภาพของโรงงาน pre-cast ของบริษัทยังคงเหลือให้รับงานเพิ่มได้อีกมาก ในขณะที่ที่ดินแปลงคูคต มูลค่าราว 600 ล้านบาท บริษัทได้ทำการรับโอนเรียบร้อยแล้ว จึงมองว่าบริษัทมีกระแสเงินสดอิสระที่สามารถจ่ายปันผลสูงได้

… และต่อด้วยปันผลพิเศษจากกำไรขายที่ดินกรุงเทพกรีฑา

นอกจากนี้คาดบริษัทจะมีกำไรพิเศษราว 320 ล้านบาท ในช่วง 1H17 จากการขายที่ดินบริเวณกรุงเทพกรีฑาราว 20 ไร่ ในราคาราว 488 ล้านบาท (ตามที่มีการแจ้งตลาดฯออกมาก่อนหน้านี้) ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนในงบฯเพียง 80 ล้านบาท คาดบริษัทจะมีเงินสดรับสุทธิราว 400 ล้านบาท (สุทธิจากภาษี) หรือคิดเป็นเงินสดรับที่ 0.40 บาท/หุ้น คาดรายการขายนี้จะเสร็จสิ้นในช่วง 1H17 และคาดบริษัทจะนำกำไรที่ได้ออกมาจ่ายเป็นปันผลพิเศษได้เกือบทั้งหมด หนุนให้อัตราผลตอบแทนปันผลพิเศษสูงราว 9% ซึ่งเรายังไม่รวมในประมาณการฯ

ปรับประมาณการลงตาม backlog ที่ลดลง

เราปรับกำไรหลักปี 2017-18 เป็น 128 และ 151 ล้านบาท เพื่อสะท้อนมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมต่อภาพอุตสาหกรรม เพราะปัจจุบันบริษัทมี backlog ราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าช่วงปลายปีก่อนหน้าที่มี backlog ราว 1,700 ล้านบาท ดังนั้นเรามองว่าปี 2017 จะเป็นปีที่บริษัทดำเนินกลยุทธ์เชิงอนุรักษ์นิยม เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้กลับมาดีเหมือนในอดีต โดยที่รักษาระดับรายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะภาพอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เริ่มฟื้นตัว เรามองว่าจะเป็นการฟื้นตัวในส่วนของกลุ่มต้นน้ำที่ทำงานรากฐานก่อน และคาดในปีถัดๆไปจะเป็นโอกาสของงานปลายน้ำอย่างงานตกแต่งภายในของบริษัท