โบรก 'ลดเป้า' กำไร ‘กสิกร-กรุงไทย’ปี60

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี2559 ทางฝ่ายวิจัยได้ทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 ลง สะท้อนสมมติฐานการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่จะสูงกว่าระดับปกติต่อในปีหน้า ทั้งนี้เพื่อรองรับความไม่แน่นอนเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในหมวดการลงทุนภาคเอกชนและส่งออกที่ยังอ่อนแอ ส่วนการลงทุนภาครัฐก็มีความล่าช้าในหลายโครงการ และธนาคารอย่างธนาคารกรุงไทย (KTB) ก็สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดสินเชื่อโครงการรัฐให้กับธนาคารอื่นด้วย

ฝ่ายวิจัยลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 ของธนาคารกรุงไทยลง 27% สะท้อนการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น โดยประมาณการไว้ที่ 1.75% ของสินเชื่อรวมในปี 2560 หรือคิดเป็นการตั้งสำรองฯ 8.5 พันล้านบาท/ไตรมาส เพิ่มขึ้นจากระดับปกติของธนาคารที่ 3 พันล้านบาท/ไตรมาส +สำรองฯของบริษัทย่อย 1.1 พันล้านบาท/ไตรมาส ซึ่งทำให้กำไรสุทธิปี 2560 จะหดตัว 19% จากปีนี้ สำหรับกำไรก่อนสำรองฯ คาดการณ์ว่าจะลดลง 6.5% จากปี 2559 โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ต่ำลงขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทรงตัว

ส่วนธนาคารกสิกรไทยนั้น เอ็นพีแอล เรโช ถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ยังตั้งสำรองฯสูงต่อในปี 2560 โดยการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจไทยทำให้คุณภาพสินเชื่อจะค่อยๆ ดีขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ธนาคารให้ Guidance ว่าจะตั้งสำรองฯสูงต่อในปี 2560

ฝ่ายวิจัยชอบธนาคารเล็กอย่าง บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) และทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) มากกว่า เพราะเอ็นพีแอลได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องหลายไตรมาสแล้ว และสินเชื่อเช่าซื้อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็หดตัว ทำให้ความเสี่ยงเรื่องเอ็นพีแอลจะน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ แนวโน้มสินเชื่อปี 2560 จะดีขึ้นและการตั้งสำรองฯจะไม่สูงขึ้นจากปีนี้และมีแนวโน้มลดลงด้วย ส่วนการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในปี 2560 จะชะลอตัวลงแต่ก็ดีกว่าธนาคารใหญ่เพราะฐานรายได้ไม่สูง

นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า เมื่อวันที่31 ต.ค. ได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) โดยมีผู้บริหารคือ คุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมนักลงทุนสัมพันธ์ ได้กล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินงานธนาคาร 2560 ซึ่งคาดว่าจะกลับมาสู่ภาวะการฟื้นตัวจากการเติบโตของการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ต่ำลงตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี2559 อย่างไรก็ตามการสำรองค่าเผื่อหน้สูญฯ (credit cost) ที่ยังจะแตะจุดสูงสุดปี 2560 ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ประมาณการปี 2559 และ 2560 ของฝ่ายวิจัย ทั้งนี้เรามองว่าการที่ภาวะเศรษฐกิจฟื้นในปี 2560 จะลดความเสี่ยงขาลงของคาดการณ์กำไรปี 2560