Daily Market Outlook (19 ก.ย.59)

Daily Market Outlook (19 ก.ย.59)

จุดสนใจอยู่ที่การประชุมเฟด

คาดว่าหุ้นไทยจะอยู่ในกรอบแคบวันนี้ก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสองแห่งทั้งเฟดและธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าตลาดโดยรวมเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลานี้ แต่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในรอบ 12 เดือนขึ้นสูงกว่าเป้าอัตราเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เพิ่มโอกาสที่เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ เราเชื่อว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น คล้ายๆกับธนาคารกลางแห่งอื่นทั้งธนาคารกลางยุโรป ธนาคารอังกฤษ และธนาคารกลางสวิส จะยังคงนโยบายและรอดูการตัดสินใจของเฟดก่อน แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นคล้ายกับว่าจะลดการพึ่งพามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ (QQE) น้อยลงและหานโยบายทางการเงินอื่นๆแทนเพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ปัจจัยภายในประเทศดูเหมือนจะไม่มีผลต่อตลาดในวันนี้


หุ้นเด่นวันนี้: PTTGC (ราคาปิด 58.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 67.00 บาท)

บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล เป็นหุ้นเด่นในวันนี้หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจ ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงที่เหลือของปีรวมถึงปีหน้าคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานหลายๆ หน่วยเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก นอกเหนือจากการเดินเครื่องผลิตอย่างเต็มที่แล้ว คาดราคาขายผลิตภัณฑ์ Polyolefinsของหน่วยธุรกิจโอเลฟินส์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ จะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการใช้ขั้นพื้นฐานในภูมิภาคที่ยังแข็งแกร่ง รวมไปถึงจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของราคาน้ำมันดิบโลก ซึ่งจะทยอยส่งผลบวกต่อผู้ผลิตปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบเช่น PTTGC ส่วนต่าง (Spread) ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ในภูมิภาคเทียบแนฟทาที่ยังคงยืนตัวในระดับสูงยังคงสะท้อนความต้องการใช้ที่แข็งแกร่งในภาวะขาขึ้นของวัฏจักรดังกล่าว ขณะที่เรายังคงเชื่อว่าอุตสาหกรรมอะโรเมติกส์ทั่วโลกได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและน่าจะกระเตื้องขึ้นหลังจากภาวะอุปทานล้นตลาดลดลงโดยรวม แนวโน้มกำไรสุทธิคาดจะเห็นการเติบโต 15% YoYในปีนี้ หนุนจากผลการดำเนินงานในช่วง 2H59 ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งดังกล่าวที่จะสามารถชดเชยกับผลกระทบเชิงลบจากการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงครึ่งปีแรกได้ ก่อนที่กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเต็มที่อีก 17% YoYในปี 2560 ราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ราว 5.0-5.5% ต่อปี

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ยุติโครงการเคเบิลใต้น้ำ ล่าสุดรัฐบาลได้สั่งให้ยุติโครงการก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำของชาติมูลค่า 5 พัน ลบ. ผ่านโมเดลธุรกิจร่วมทุนกับต่างประเทศหลังพิสูจน์แล้วว่าขัดกับเกณฑ์จัดซื้อจัดจ้างราชการที่กำหนดว่าหน่วยงานรัฐที่เข้าร่วมทุนรัฐเอกชนจะต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวในโครงการลงทุน (Bangkok Post)ความเห็น: ประเด็นนี้อาจเป็นปัจจัยหน่วงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

• การลงทุนดิจิทัลเพิ่มขึ้น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่าการลงทุนในภาคดิจิทัลเพิ่มขึ้นเห็นได้จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยมีมูลค่า 2.5 พัน ลบ. สำหรับ 155 โครงการในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีนี้ บีโอไอยังเชื่อว่ามูลค่ายื่นขอรับการส่งเสริมลงทุนของทั้งปี 59 จะถึง 5.5 แสน ลบ. ขณะที่การลงทุนจริงอาจถึง 7 แสน ลบ. จาก 3 แสน ลบ. ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ (Bangkok Post)

• เตรียมปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาน้ำตาลสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเตรียมปรับโครงสร้างการผลิตและจำหน่ายราคาน้ำตาลจากปัจจุบันที่เป็นระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 รวมไปถึงระบบโควต้าและการสนับสนุนจากรัฐบาล หลังจากที่บราซิลมีการเรียกร้องให้ไทยยกเลิกมาตรการและนโยบายดังกล่าวเพราะมองว่าทำให้ไทยสามารถผลิตน้ำตาลออกมาได้มากจนกระทบกับราคาน้ำตาลในตลาดโลก (Bangkok Post)

ต่างประเทศ

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในรอบกว่า 2 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันศุกร์หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐกระตุ้นให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ระดับ 96.063 ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 10 วันดทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1149 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 1/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.70% หลังจากที่มีการซื้อขายที่ระดับ 1.67% ก่อนการประกาศตัวเลขดัชนี CPI (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารดอยซ์แบงก์จะถูกจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐมีผลกระทบต่อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่และนักลงทุนยังคงไม่แน่ใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ตัวเลขดัชนี CPI ล่าสุดสูงกว่าเป้าอัตราเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)

• ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. เนื่องจากค่าเช่าและค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ดัชนี CPI ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อนหลังจากที่ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนก.ค. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนส.ค. ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. และจะเพิ่มขึ้น 1.0% YoY ดัชนี CPI พื้นฐาน (ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.3% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. (Reuters)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนส.ค. ต่ำกว่าคาด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนก.ย. อยู่ที่ 89.8 เทียบประมาณการเฉลี่ยที่ 90.8 และดัชนีฯ ในเดือนส.ค.ที่ระดับ 89.8 (Reuters)

• เกิดเหตุระเบิดที่ถนนหมายเลข 23 และ 6th avenueในแมนฮัตตัน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 29 ราย ในเวลาประมาณ 20.30 น. เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาสาเหตุการเกิดระเบิด (Reuters)

• เกิดเหตุระเบิดที่เมืองซีไซด์พาร์ค รัฐนิวเจอร์ซีเมื่อวันเสาร์ ส่งผลให้ต้องยกเลิกการวิ่งการกุศล มีรายงานว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหายใด ๆ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ นำโดยการปรับตัวลดลงของหุ้น Deutsche Bank หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้จ่ายค่าปรับมากกว่าที่คาดกรณีออกขาย MBS สมัยวิกฤติเศรษฐกิจปี ค.ศ. 2008(Reuters)

• EU กำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย Angela Merkel นายกฯ เยอรมนีกล่าวในที่ประชุม EU summit เพื่อหาทางออกหลังจากมีมติโหวต Brexitเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในการประชุม (Reuters)

• พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี (CDU) ของ Angela Merkel นายกฯ เยอรมนีพ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งที่สองในรอบสองสัปดาห์ โดยฐานคะแนนเสียงสนับสนุนน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 ในการเลือกตั้งกรุงเบอร์ลิน (Reuters)

• Theresa May นายกฯ อังกฤษ กล่าวว่าพร้อมที่จะเจรจาผลกระทบและแนวทางหลังจากเหตุการณ์ Brexitในเดือนม.ค. หรือ ก.พ. อ่างอิงจากคำกล่าวของ Donald Tusk ประธานคณะกรรมการยุโรป (Reuters)

เอเชีย:

• ผู้ว่า BOJ นายHaruhiko Kuroda กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจะยังคงวางเงื่อนไขทางการเงินให้หลวมเป็นพิเศษ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเขากล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 20 ปี และ 30 ปีที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของตลาดต่าง ๆ ในช่วงการประเมินนโยบายของ BOJ ในสัปดาห์นี้ (Reuters)

• ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้ประกอบการในประเทศจีนในไตรมาส 3/59ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2/59ตามการสำรวจของPBOC ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นเป็น51.2% ในไตรมาส 3/59 สูงกว่าไตรมาส 2/59 อยู่ 2.2% จากการสำรวจของธนาคารกลางที่ตีพิมพ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าดัชนีความเชื่อมั่น ธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 46.5% ในไตรมาส 3/59 ซึ่งสูงกว่าไตรมาส 2/59 อยู่ 2.8% (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์: 

• ราคาน้ำมันลบ 2% วันศุกร์ สู่จุดต่ำสุดรอบหลายสัปดาห์เพราะอิหร่านส่งออกน้ำมันดิบมากขึ้นยิ่งเพิ่มความกลัวอุปทานล้นเกิน แต่ราคาเบนซินยังวิ่งขึ้นเพราะมีปัญหาโรงกลั่นและท่อส่งมีปัญหา Brent ลบ 82 เซนต์ (-1.8%) ปิดที่ 45.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะจุดต่ำสุดรอบสองสัปดาห์ที่ 45.48 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 88 เซนต์ (-2.0%) ปิดที่ 43.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้ลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบห้าสัปดาห์ที่ 42.74 ดอลลาร์ (Reuters)

• ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาระบุข้อตกลงระหว่างประเทศ OPEC และนอก OPEC ใกล้บรรลุแล้วและเขามุ่งจะประกาศดีลนี้เพื่อทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ เดือนนี้ (Reuters)

• ทองคำร่วงสู่จุดต่ำสุดรอบสองสัปดาห์วันศุกร์ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเติบโตมากกว่าที่คาดเดือนที่แล้วหนุนให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยได้และดอลลาร์ก็แข็งค่าแล้ว ราคาทองคำตลาดจรได้ลดลงแตะจุดต่ำสุดตั้งแต่ 1 ก.ย. ลดไป 0.4% ไปอยู่ที่ 1,308.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 0.6% ปิด 1,310.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วย (Reuters)