ปั้นช่องเด็ก‘ศาสตร์และศิลป์’ผลิตคอนเทนท์

การผลิต “รายการเด็กและเยาวชน" นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายผู้ผลิตรายการโทรทัศน์มาทุกยุคทุกสมัย
แม้ว่าในตลาดโทรทัศน์ไทยและต่างประเทศ จะมีรายการเด็กและเยาวชนอยูจำนวนมาก แต่รายการเด็กและเยาวชน“ชั้นดี” ซึ่งมีทั้งเนื้อหาที่เป็น “สาระ” สามารถเติมเต็มจินตนาการและเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ รวมถึงมีความ “บันเทิง” สามารถดึงดูดความสนใจ ทำให้เด็กๆ สนุกกับการรับชมพร้อมทั้งซึมซับเรื่องราวที่มีประโยชน์สำหรับการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ไปด้วยนั้น นับเป็น “ศาสตร์และศิลป์” ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลิตรายการ
บริษัท Da Vinci Learning Media GmbH เจ้าของช่องรายการ “ดา วินชี เลิร์นนิ่ง” (Da Vinci Learning) นับเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตรายการสำหรับเด็กที่สร้างสรรค์ผลงานจำนวนมาก และยอมรับในตลาดโลก มีผู้นำไปออกอากาศในหลากหลายทวีป ทั้ง ในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย มีผู้ชมกว่า 30 ล้านคน และล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นำรายการมาออกอากาศในประเทศไทย ทางช่อง เอ็มคอท แฟมิลี่ ช่อง 14 เริ่มวันที่ 1 ส.ค.นี้ เวลา 6.00 - 6.30 น. และ 16.00 - 16.30 น.
เฟอร์ดินานด์ ฮับส์บรูก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Da Vinci Learning Media GmbH เล่าว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2007 เริ่มออกอากาศครั้งแรกในประเทศโปแลนด์ จุดเริ่มต้นตั้งบริษัทมาจากความต้องการส่วนตัวของเขา ที่ต้องการหารายการสาระบันเทิงที่ดีมาให้ลูกๆ ดู
“ขณะนั้นลูกๆ ของผมเริ่มตั้งคำถามต่างๆ ที่ผมไม่สามารถหาคำตอบได้ ผมจึงเกิดความคิดว่า ทำไมจึงไม่ทำช่องรายการที่ช่วยตอบคำถามของเด็กๆ ได้”
ดังนั้นในการผลิตรายการจึงได้เตรียมการศึกษาหาข้อมูล พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเป็นทีมงานที่คอยดูแลการผลิตรายการ ทำงานกับนักวิจัยหลายๆ คนและสถาบันต่างๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เพื่อผลิตเนื้อหารายการและจัดกิจกรรมการตลาดที่ตอบสนองความต้องการและสามารถสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เด็กๆ มีความสุขในการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการออกผจญภัยในโลกกว้าง
รายการสาระบันเทิงสำหรับเด็กจาก “ดา วินชี เลิร์นนิ่ง” มีอยู่หลากประเภท หลายรายการ เสริมสร้างความรู้ในหลากหลายด้าน ทั้งอัตชีวประวัติ, ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ศิลปะ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ซึ่งผลิตออกมาในรูปแบบที่เด็กๆ สามารถเข้าใจได้ง่าย อาทิ รายการ “Maths Is All Around Us” ที่จะทำให้เด็กๆ สนุกกับการเรียนรู้เรื่องราวความมหัศจรรย์ของคณิตศาสตร์ที่ทำให้สิ่งต่างๆ ทั้งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ยารักษาโรค การคมนาคม ฯลฯ สามารถเป็นจริงขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตัวเลขที่แฝงอยู่ในสิ่งรอบตัวจะทำให้คณิตศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องยากและน่าเบื่อสำหรับเด็กๆ อีกต่อไป
ความดี-ความชั่ว อาจเป็นนามธรรมที่เข้าใจได้ยากสำหรับเด็ก แต่รายการ “Knietzsche” จะนำเรื่องราวปรัชญาชีวิตที่เด็กๆ อาจเข้าใจได้ยากเหล่านี้ มานำเสนอในรูปแบบแอนิเมชั่นที่เด็กๆ ดูสนุก ซึมซับได้ง่าย ให้น้องๆ ได้รู้จักการปฏิบัติตนในสังคม พร้อมสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไปด้วย
รายการ “Gastroblast” วิทยาศาสตร์รูปแบบใหม่ ที่นำเรื่องราวของอาหารและวิทยาศาสตร์มาผนวกเข้าด้วยกัน โดยนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาอธิบายคุณค่าทางโภชนาการในแต่ละมื้อของเด็กๆ พร้อมทั้งให้พวกเขาได้เรียนรู้การทำเมนูอาหารสุขภาพ
สำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวการค้นพบหรือชีวประวัติของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น กีต้าร์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร หรืออาร์คิมิดีสเป็นใคร รายการ “Culture Quest with Mr. Otter” พร้อมผู้รอบรู้ Mr. Otter จะมาไขข้อสงสัยของทุกเรื่องราวการค้นพบครั้งสำคัญ วัฒนธรรมรอบโลกที่น่าสนใจ และประวัติของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต นอกจากนี้ยังมีรายการที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย
นายเฟอร์ดินานด์ กล่าวต่อว่า“สังคมสมัยใหม่เด็กๆ มักจะเสพสื่อทางโลกออนไลน์จากโทรศัพท์มือถือซึ่งทำให้เกิดสังคมที่แปลกแยกและยังเต็มไปด้วยคอนเทนท์ที่เป็นอันตราย เชื่อว่าหากผู้ปกครองเปิดรายการทีวีที่มีประโยชน์ดูพร้อมกันกับลูก จะเป็นการเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีให้กับครอบครัวได้
“มีคำพูดประโยคหนึ่งบอกว่า ถ้าเรารักกับความรู้ รักนั้นจะไม่มีทางทำให้เราอกหัก ผมเชื่อว่าการรับชมรายการของเราจะไม่ทำให้เด็กๆ ผิดหวัง และจะได้รับความรู้ซึ่งเป็นประโยชน์กับเขาตอบแทนความรักที่มีให้กับรายการของเรา”
แม้ว่าจะมีผลวิจัยจากหลายสถาบันต่างชี้ว่าหากคุณพ่อคุณแม่ ปล่อยให้เด็กดูทีวีนานหลายชั่วโมงติดต่อกันใน 1 วัน จะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง โดยทีวีจะเป็นตัวขัดขวางการสำรวจค้นคว้า การเรียนรู้ และช่วงเวลาของการมีปฏิสัมพันธ์รวมถึงการเล่นกับคุณพ่อคุณแม่และบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยให้เด็กเล็กๆ ได้พัฒนาทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตทางปัญญา ร่างกาย สังคม และอารมณ์
แต่ในทางกลับกันหากพ่อแม่และผู้ปกครองอนุญาตให้เด็กๆ ดูทีวีอย่างเหมาะสม โดยให้ลูกดูทีวีเมื่ออายุเกิน 2 ปีขึ้นไป ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมงต่อวัน และที่สำคัญคือพ่อแม่ก็ดูไปพร้อมกับลูกด้วยทุกครั้ง เพื่อพูดคุยซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขาดูและช่วยแก้สิ่งที่เห็นว่าผิดและแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งเลือกรายการที่เหมาะสมกับวัยของลูก ก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกได้เช่นกัน







