ททท.ปั้นท่องเที่ยวคุณภาพจับตลาดเกาหลี

ททท.ปั้นท่องเที่ยวคุณภาพจับตลาดเกาหลี

แม้ช่วงต้นเดือน มิ.ย. เกาหลีใต้ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงความกังวลต่อภาวะการบริโภค “หดตัว”

แต่กระแสการเดินทางออกมาเที่ยวไทยกลับตรงข้าม พบว่ามีการขยายตัวของตลาดอินบาวด์เกาหลีใต้ 5 เดือนแรกของปีนี้กว่า 12.7% ด้วยจำนวน 619,030 คน สร้างสถิติสูงสุดของช่วงเวลานี้

สิริเกศอนงค์ ไตรรัตนทรงพล ผู้อำนวยการสำนักงานโซล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวระหว่างร่วมงาน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โรดโชว์ ทู โคเรีย” เมืองปูซาน และกรุงโซล เกาหลีใต้ สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ปีนี้ตลาดเกาหลีใต้น่าจะเติบโตสวนทางเศรษฐกิจซบเซา คาดสร้างสถิตินักท่องเที่ยวสูงสุด 1.5 ล้านคน ทำรายได้เพิ่ม 7.8% จากปีก่อน ปิดที่ 5.68 หมื่นล้านบาท หลังจากช่วง 5 เดือนแรก มีนักท่องเที่ยวแล้ว 6.19 แสนคน เติบโต 12.7%

ททท.วางกลยุทธ์สานต่อช่วงขาขึ้นทันทีด้วยการพัฒนาตลาดคุณภาพเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายนักท่องเที่ยว 1.8 ล้านคน ภายในปี 2563 ตามที่ ททท.ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) กับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (กาต้า)

“เศรษฐกิจเกาหลีใต้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงขาลง แต่น่าสังเกตว่าตลาดคนเดินทางเที่ยวต่างประเทศ (เอาท์บาวด์) ปีที่ผ่านมายังพุ่งสูงขึ้นกว่า 21% เป็น 19.3 ล้านคน เพราะสังคมมีความเครียดจากการทำงานจึงต้องการผ่อนคลายด้วยการเดินทางท่องเที่ยว"

ส่วนรัฐบาลเองไม่ได้มีแนวคิดชัดเจนเหมือนญี่ปุ่นในการกระตุ้นให้คนเดินทางใช้จ่ายแต่ในประเทศ ประกอบกับการพัฒนาพฤติกรรมจนการท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้ไทยได้ส่วนแบ่งจากการเติบโตนี้ ถือเป็นจุดหมายต่างประเทศอันดับ 4 ที่ชาวเกาหลีนิยมมากที่สุด เป็นรองเพียงจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ

ทั้งนี้ ททท. มีแผนกระตุ้นรายได้จากนักท่องเที่ยว “4 กลุ่มที่มีศักยภาพ” ได้แก่ กลุ่มแคมปิ้งแบบครอบครัว, กลุ่มผู้หญิง, กลุ่มคอร์ปอเรต และกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่ปัจจุบันครองสัดส่วนสูงสุดกว่า 50% ขณะที่การซื้อแพ็คเกจทัวร์เริ่มลดลง เนื่องจากเทคโนโลยีที่สะดวกมากขึ้น เอื้อให้ชาวเกาหลีใต้นิยมหาข้อมูลและเดินทางด้วยตัวเอง ดังนั้น ททท.จึงมีแผนการพัฒนาแอพลิเคชั่นในรูปแบบ “โมบายล์ ไกด์บุ๊ค” ภายใต้คอนเซปต์ชักชวนให้ไปเยือนสถานที่และกิจกรรมที่ควรทำ “Hundreds Hidden Places and Things to Love in Bangkok” เลือกนำร่องพื้นที่กรุงเทพฯ จุดหมายหลักของชาวเกาหลีใต้ก่อน โดยเน้นการนำเสนอสถานที่และแหล่งกินดื่มที่นิยมแบบท้องถิ่น หลีกหนีความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้อนรับเฉพาะนักท่องเที่ยว

          “การเจาะตลาดที่มีความสนใจใหม่ๆ ททท.ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในภาวะที่เราต้องฉีกตัวเองให้ต่างจากคู่แข่งที่มาแรงในกลุ่มอาเซียนอย่าง เวียดนาม ที่มาพร้อมกับจุดแข็งที่ไทยไม่สามารถปรับปรุงได้ทันการณ์ อย่างเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง สิ่งที่ ททท.มองคือ การแสวงหาตลาดคุณภาพใหม่ ที่มีทั้งการใช้จ่าย และไทยมีโปรดักต์ซึ่งตอบสนองพออยู่แล้ว”

ในกลุ่มแรก คือ กลุ่มแคมปิ้งแบบครอบครัว ตกผลึกมาจากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมตลาดของชาวเกาหลีในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า นิยมการเดินทางไปพักผ่อนในรูปแบบตั้งแคมป์มากขึ้นในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ตามสวนสาธารณะจะมีกิจกรรมนี้แน่นขนัด สินค้าประเภทแคมปิ้งขายดีจนขาดตลาด จึงทดลองทำการตลาดท่องเที่ยวดึงผู้ที่สนใจกิจกรรมกลางแจ้ง (เอาท์ดอร์) ให้ซื้อแพ็คเกจแคมปิ้งในไทยระหว่างวันหยุดมากขึ้น

โดยเทรนด์การตั้งแคมป์แบบหรูหรา หรือ “แกลมปิ้ง” ที่เป็นชื่อเรียกของ Glamourous Camping เป็นกระแสซึ่งต้องจับตามอง เพราะสำหรับประเทศไทย มีข้อได้เปรียบเรื่องการอยู่ในเขตร้อนชื้น ทำกิจกรรมนี้ได้ตลอดปี ตรงกับความชื่นชอบของตลาดเกาหลีอย่างมาก และมีโรงแรมในหลายพื้นที่ๆ เข้าร่วมโครงการนำร่องดึงตลาดนี้ได้ เช่นที่ผ่านมา บุกเบิกกิจกรรมกับกลุ่มโรงแรมประเภทเต็นท์ที่พักหรูในกาญจนบุรีมาแล้ว ต่อไปจะขยายผลไปยังพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ด้วยการร่วมมือกับโรงแรมที่มีโปรดักท์สอดคล้องกัน

กลุ่มคอร์ปอเรต หรือองค์กรต่างๆ ที่ต้องจัดประชุมสัมมนาหรือท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ยังต้องจับตามอง เพราะแม้เศรษฐกิจซบเซาการทำธุรกิจต้องเดินหน้าตามปกติ และทำให้นักธุรกิจต้องเดินทางติดต่อซื้อขาย โดยเฉพาะการจัดทริปตอบแทนพนักงานและลูกค้า (อินเซนทีฟ) ที่ปัจจุบันประเทศฟิลิปปินส์หันมาจับตลาดนี้แข่งกับไทยอย่างมาก เพราะเริ่มเห็นโอกาส จึงถือเป็นความเสี่ยงของไทยที่ต้องเร่งรักษาฐานตลาด เพราะยังมีปัจจัยลบอื่นมาแทรกด้วย คือ ปัญหาเรื่องการติดธงแดงเรื่องความปลอดภัยการบิน ทำให้เที่ยวบินของสายการบินจากไทยยังไม่สามารถขยายเส้นทาง เพิ่มความถี่หรือกระทั่งขนาดเครื่องบินได้

ทั้งนี้ สำรวจเที่ยวบินจากไทยไปเกาหลีใต้ในช่วงเดือน มิ.ย. เป็นตัวอย่าง มีจำนวน 156 เที่ยว/สัปดาห์ และ 670 เที่ยวบินต่อเดือน หรือคิดเป็น 1.78 แสนที่นั่ง ยังเพียงพอต่อความต้องการ แต่ถือว่าหนาแน่นในช่วงที่ทั้ง 2 ประเทศเดินทางแน่นขนัด โดยเฉพาะช่วงท่องเที่ยวที่คนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้จำนวนมากที่นั่งจึงเกิดความขาดแคลน

กลุ่มสุดท้าย “ผู้หญิง” เป็นการวางกลยุทธ์เพื่อดักทางตลาดในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันแม้เกาหลีใต้มีประชากรผู้ชายเดินทางมากที่สุด 9.3 ล้านคน ส่วนผู้หญิง 8.5 ล้านคน แต่อัตราเติบโตของผู้หญิงสูงกว่าอย่างต่อเนื่องและทำให้ช่องว่างแคบลง เช่น ในปี 2557 สัดส่วนผู้ชายต่อผู้หญิงเดินทางอยู่ที่ 7.9 ล้านคน ต่อ 6.7 ล้านคน

แม้ที่ผ่านมาเมื่อพูดถึงตลาดฝั่งเอเชียตะวันออก ตลาดเกาหลีใต้จะถูกบดบังความสำคัญเมื่อเทียบกับจีนและญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันกระเตื้องขึ้น เฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการของรายได้ตลาดเกาหลีใต้ แซงตลาดญี่ปุ่นมาอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ต่อ 1.9 หมื่นล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว

ด้าน น้ำมนต์ เดชาขจรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดคีรีมายา กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา เขาใหญ่ กล่าวว่า ได้ทำตลาดในรูปแบบโรดโชว์เป็นครั้งแรก โดยมีแผนเจาะตลาดเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น เพราะโรงแรมมีสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการ ทั้งด้านกิจกรรมกอล์ฟ ซึ่งมีสนามมาตรฐาน 18 หลุม และห้องพัก 60 ห้องเจาะตลาดบน เมื่อเร็วๆ นี้ ยังมีการลงทุนโรงแรมแบรนด์ใหม่ “อัตตา” 243 ห้อง เจาะตลาดไฮเอนด์ รองรับลูกค้าตลาดใหม่เพิ่มได้อีก

ส่วนการวางแผนให้สอดคล้องกับ ททท. ในตลาดแคมปิ้ง เริ่มการจำหน่ายแพ็คเกจปิคนิคสำหรับกลุ่มครอบครัวผ่านบริษัทนำเที่ยวบ้างแล้ว ราคาอยู่ที่ 4,000-5,000 บาทต่อคืน เริ่มมีลูกค้าให้ความสนใจ แต่ในเบื้องต้น ปัจจัยสำคัญคือต้องการสร้างให้ “เขาใหญ่” เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวรู้จักก่อน เพราะปัจจุบันความนิยมของชาวเกาหลีใต้ยังอยู่ในทำเลท่องเที่ยวหลักอื่นๆ