บุญรอดฯลั่นควงบริษัทลูกธุรกิจใหม่ เข้าตลาดฯยกแผง

บุญรอดฯลั่นควงบริษัทลูกธุรกิจใหม่ เข้าตลาดฯยกแผง

"บุญรอดฯ" ลั่นควงบริษัทลูกธุรกิจใหม่ เข้าตลาดฯยกแผง วางเป้าผนึกพันธมิตรเพิ่มรายได้ 50% เท่าธุรกิจแอลกอฮอล์

นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า หลังการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจใหม่ หรือ New business ได้วางแผนผลักดันบริษัทในเครืออีกหลายบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังก่อนหน้านี้ได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯเป็นครั้งแรก ผ่านบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


ส่วนแผนการนำบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ในธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดฯนั้น ล่าสุดได้ปรับแผนใหม่ โดยจะมองหาพันธมิตรร่วมทุนก่อน เนื่องจากการขยายธุรกิจเพียงลำพังอาจมีขนาดเล็กเกินไป ส่วนคุณสมบัติของพันธมิตร จะต้องเป็นผู้ประกอบการระดับโลก
นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับธุรกิจใหม่มากขึ้น เนื่องจากการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เผชิญอุปสรรคและข้อกำจัดด้านกฎหมาย แนวทางดังกล่าวทำให้บริษัทตั้งเป้าจะทำให้รายได้ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจใหม่ มีสัดส่วน 50% เท่ากันในอนาคต จากปัจจุบันธุรกิจแอลกอฮอล์ มีรายได้มากถึง 75%


“ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร สัดส่วนรายได้ธุรกิจแอลกอฮอล์จะลดลงตามวาระ หากธุรกิจใหม่มีสัดส่วนรายได้ 50% ก็ถือว่าน่าพอใจ”


สำหรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของสิงห์ ได้ปรับใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากเดิมโครงสร้างธุรกิจจะเป็น 2 กลุ่ม คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ แต่โครงสร้างใหม่กลุ่มนอนแอลกอฮอล์จะอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ขณะเดียวกันยังแยกธุรกิจออกเป็น 5 เสาหลัก (Pillars) ประกอบด้วย ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, นอนแอลกอฮอล์, อสังหาริมทรัพย์, การผลิตบรรจุภัณฑ์ (แพ็คเกจจิ้ง) และจัดจำหน่าย กระจายสินค้ารวมถึงธุรกิจอื่นๆ


นายสันติ ยังกล่าวอีกว่า การจะมีรายได้ธุรกิจใหม่ให้ถึง 50% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทจำเป็นจะต้องร่วมทุนกับพันธมิตร รวมทั้งซื้อและควบรวมกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) มากขึ้น เนื่องจากโลกธุรกิจปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไป การจะเริ่มสตาร์ทธุรกิจจากศูนย์ ถือว่าช้าเกินไป
ก่อนหน้านี้ บริษัทดึง เบน แอนด์ คัมปะนี บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก มาเป็นที่ปรึกษาปรับโครงสร้างธุรกิจ


ล่าสุดบริษัท ได้ส่งบริษัท วราฟู้ดส์ แอนด์ ดริ๊งค์ จำกัด ร่วมทุนกับ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด เพื่อก่อสร้าง บริษัท ดีวีเอส 2014 จำกัด รุกธุรกิจกาแฟ โดยบุญรอดฯ เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งหลายด้าน และพร้อมจะผลักดันดอยช้างให้เป็นแบรนด์ระดับโลก
ด้านนายเทอดศักดิ์ เกียรติสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วราฟู้ดส์ แอนด์ ดริ๊ง จำกัด กล่าวว่า การร่วมทุนกับดอยช้างเพื่อตั้งบริษัท ดีวีเอส 2014 จะขยายธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยต้นน้ำ คือ การช่วยเพิ่มผลิตผลเมล็ดกาแฟให้แก่ดอยช้าง


ส่วนกลางน้ำ จะมีการนำผลิตภัณฑ์กาแฟ และสารสกัดที่ได้จากการวิจัย เช่น สารสีแดงจากเม็ดเชอรี่ (กาแฟสดสีแดง) นำมาเป็นวัตถุดิบและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง เป็นต้น รวมทั้งผลิตน้ำมันสกัดจากเมล็ดกาแฟจำหน่าย ขณะที่ปลายน้ำการรุกธุรกิจค้าปลีกผ่าน บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด จำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะทำรายได้ปีแรก 200 ล้านบาท
ขณะที่การขยายธุรกิจของบริษัท วราฟู้ดส์ฯ จะวางบทบาทเป็น โฮลดิ้งส์ คัมปะนี ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเสาหลักที่ 2 ของบุญรอด และวางแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจ รวมทั้งนโยบายของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้บริษัทมุ่งหาพันธมิตรเป็นที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีขนาดรายได้ 1,000 ล้านบาท มาร่วมทุนมากขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตภายใน 3 ปีข้างหน้า ขึ้นเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน ผลักดันรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้ 1,600 ล้านบาท


สำหรับบริษัทบุญรอดฯ ถือเป็น โฮลดิ้งส์ คัมปะนี มีบริษัทในเครือมากกว่า 54 บริษัท โดยมีแบรนด์ “สิงห์” รุกตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก และที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับทัพธุรกิจครั้งสำคัญ เพื่อขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์มากขึ้น ล่าสุดมีการร่วมทุนกับนักลงทุนญี่ปุ่นรุกธุรกิจขนมขบเคี้ยว ร้านอาหารเกาหลี เป็นต้น โดยบริษัทมีรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท