"เพลินวานพาณิชย์" เสิร์ฟอุดมการณ์สู่พระนคร

พวกเขาไม่ได้ขายรสนิยม แต่กำลังเสิร์ฟอุดมการณ์ชาตินิยมให้กับชาวสยาม ด้วยร้านกาแฟไทยสไตล์ย้อนยุค เพลินวานพาณิชย
ร้านกาแฟ “โบราณๆ” ตกแต่งในบรรยากาศหวนอดีต ระหว่างปี ค.ศ. 1920-1930 บนทำเลที่ตั้งสุดย้อนแย้ง ทั้ง สยามสแควร์วัน , ทองหล่อ 13 และ เมืองทองธานี กระตุกใจคนเมืองให้มองผ่านความทันสมัยแบบฉาบฉวย ไปดื่มด่ำกับอดีตที่งดงามของพวกเขา
นี่คือ “เพลินวานพาณิชย์” เจ้าของเดียวกับ เพลินวาน หัวหิน ที่ตกผลึกประสบการณ์ตลอด 5 ปี ในการปลุกปั้นเพลินวานจนเป็นหนึ่งใน Destination ของเมืองหัวหิน เรียนรู้จากความไม่รู้ บ่มเพาะกลุ่ม “รักแท้เพลินวาน” กระทั่งพร้อมลงสนาม “พระนคร” ในวันนี้
“ถามว่าตลาดกาแฟโตไหม โต กรุงเทพมีร้านกาแฟเยอะไหม เยอะมาก แต่ร้านกาแฟที่เอาความเป็นไทยมาลงในร้าน ไม่ใช่แบบรถเข็นนะ แต่ดูมีเกรด จับต้องได้ เท่ห์ และมีเรื่องเล่าแบบนี้ พูดเลยว่า..ขาดมาก”
“ภัทรา สหวัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งเพลินวานพาณิชย์ จิ๊กโก๋เพลินวานที่เคยสร้างตำนาน “เพลินวาน หัวหิน” ให้ดังในชั่วข้ามคืน บอกช่องว่างในเกมธุรกิจใหม่
“เพลินวานพาณิชย์” ไม่ใช่เพลินวาน พวกเขาเพียงหยิบ “แก่น” ของความเป็นเพลินวาน ที่อยากสะท้อนความเป็นไทยในอดีต และสร้างความเป็น “ชาตินิยม” แบบไทยๆ มาเสิร์ฟคนกรุง จึงเนรมิตร้านกาแฟไทย ที่จำหน่ายทั้งเครื่องดื่มและอาหาร บนจุดยืนเดียวกัน คือ วัตถุดิบต้องมาจาก “ดินไทย” เท่านั้น!
“พูดเสมอว่า คนดื่มกาแฟเพลินวานไม่ได้ดื่มรสนิยม แต่ดื่มอุดมการณ์”
ผู้บริหารเพลินวานพาณิชย์บอกแก่นของ “อุดมการณ์แบบเพลินวาน” ที่มุ่งสนับสนุนทุกอย่างที่อยู่ในเมืองไทย เกษตรกรไทย และก่อเกิดจากดินไทย เช่น การเลือกใช้กาแฟไทยแทนการนำเข้า วัตถุดิบจากในประเทศ กับเมนูไทยๆ ไร้การประดิดประดอย ซื่อๆ บ้านๆ แต่เต็มอิ่มกับอดีตที่คิดถึง
“เชื่อว่าคนตื่นเช้ามาไม่ได้อยากกินแซนวิซทุกคนหรอก เราอยากกินโจ๊ก ปาท่องโก๋ ขนมครก แต่ทุกวันนี้ มันหายากนะ อยู่เมืองไทยแท้ๆ แต่หากินยาก เราเลยพยายามเอาของบ้านๆ ไม่พิสดารแบบนี้ ใส่เข้าไปในร้าน อย่าง ข้าวปลากระป๋อง อาหารที่เคยกินกันในบ้าน ซึ่งเมนูบ้านๆ แบบนี้แหล่ะ คนเขา..คิดถึง”
แม้จะเป็นของง่ายๆ บ้านๆ แต่คุณภาพก็ต้อง “เป๊ะ!” สม่ำเสมอทุกสาขา ที่มาของการใช้ระบบครัวกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ตลอดจนควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานของอาหาร เวลาเดียวกับแผน “สร้างคน” ที่มีอุดมการณ์แบบเพลินวาน เพื่อถ่ายทอดความเป็นเพลินวานออกไปในทุกมิติ “ตอกเสาเข็ม” ที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจตั้งแต่ต้น
แผนบุกพระนครเปิดตัวด้วย 3 สาขา ในรูปแบบย้อนวันวาน 3 แบบ 3 สไตล์ ตั้งแต่ เรด คอส ทีรูม คอนเซ็ปต์ร้านกาแฟแห่งแรก ที่ทองหล่อ 13 ชุมชนบางรอด สลัมแห่งแรก ที่สยามสแควร์วัน และ ไปรษณียาคาร ไปรษณีย์แห่งแรกที่เมืองทองธานี และเตรียมเปิดอีกสาขา คือที่ วัชรพล คอนเซ็ปต์ร้านของเล่นแห่งแรก พร้อมปรับปรุงเพลินวาน หัวหิน เป็นสถานีเพลินวาน สถานีรถไฟสายแรก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมกันภายในปีนี้
“ทุกสาขาไม่ซ้ำกันเลย เพราะต้องการทำอะไรใหม่ๆ ทำบนพื้นฐานของ ‘ความโง่’ พวกเราเชื่อว่า การทำอะไรอยู่บนพื้นฐานความโง่..มีเสน่ห์เสมอ”
เสน่ห์จากความโง่ คือ การทำอะไรไปโดยไม่รู้แม้แต่อะไรถูก อะไรแพง ไม่ต้องพะวงถึงแต่เรื่องต้นทุน ทำงานด้วยใจ ไร้ข้อจำกัด พวกเขาเชื่อว่า แบบนี้จะทำให้สามารถสร้างผลงานที่ “สุดๆ” ออกมาได้
“คุณจะไม่รู้หรอกว่า อะไรแพง ต้นทุนเท่าไร แต่จะดีแน่ๆ และจะทำมันจนสุด ซึ่งวันนี้จะให้กลับไปทำเพลินวานอีกที ยังไงก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะรู้แล้วว่า แบบนี้เปลืองเงินมากเลย แพงมากเลย นั่นงาน ‘ใจ’ ล้วนๆ”
ทุกอย่างเริ่มจาก “ใจ” และมีเป้าหมายที่ไกลกว่าแค่ กำไร-ขาดทุน นั่นเองที่ทำให้แผนเพลินวานพาณิชย์ถึงไม่ได้หยุดชะงัก ทั้งที่เคยสะดุดไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน หลังสาขาแรกที่ ศูนย์การค้าอินสแควร์ จตุจักร ต้องพับเสื่อไปเพราะความล่าช้าของโครงการ ขณะการขายแฟรนไชส์ครั้งแรก ก็ต้องรีบไปซื้อสิทธิ์คืนภายใน 2 เดือน ด้วยเหตุผลว่า “ช้ำใจ” ที่ธุรกิจในมือคนอื่น ไม่เหมือนตอนอยู่ในมือตัวเอง เจออุปสรรคหลายด่าน แต่แผนเพลินวานพาณิชย์ยังคงเดินหน้าต่อ เพราะความเชื่อและ “ใจ” ล้วนๆ
“คงไม่มีใครรู้หรอกว่า การทำโพรเจคๆ หนึ่ง จะเกิดหรือไม่เกิด มันไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระของของแต่ละโพรเจคด้วยซ้ำ และไม่มีอะไรสามารถการันตีได้ อย่าง เพลินวานหัวหิน ก็เหมือนถูกล๊อตเตอรี่ ใครจะคิดว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนั้น ถึงขนาดต้องเสียเงินอีกหลายล้าน เพื่อรื้อระบบทุกอย่างให้สามารถรองรับคนจำนวนมากได้”
ความสำเร็จมิอาจคาดเดา แต่ถ้าถามถึงความคาดหวัง เธอบอกว่า ขอแค่มีคนไทยสักกลุ่มหนึ่งที่เชื่อในอุดมการณ์แบบนี้ คอยให้การตอบรับและสนับสนุนร้านกาแฟไทย เพื่อปลุกคนไทยที่เคยหลับใหล หลงละเมอ ให้ตื่นมามีความเป็นชาตินิยมได้อีกครั้ง
โพรเจ็คบุกพระนคร ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 30-40 ล้านบาท กับสัญญาเช่าพื้นที่ 3 ปี ผู้บริหารเพลินวานบอกเราว่า ตั้งเป้าคืนทุนในแต่ละสาขาไม่เกินปีครึ่ง แน่นอนว่า นี่ยังเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งต้องเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ เพื่อกระจายเรื่องราวของเพลินวาน ให้ไปสู่การรับรู้ของมหาชนในวงกว้าง โดยยังเน้นช่องทางหลักคือ "ออนไลน์" เพื่อสร้างกลุ่มรักแท้เพลินวานให้ก่อเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าตรงนี้เจ๊งไป ก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะ เพราะความความสำเร็จในธุรกิจสำหรับตัวเอง ก็คือ ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจทำมันแล้ว”
เธอบอกนิยาม “ความสำเร็จ” ที่อาจเป็นเพียง การได้ใช้โอกาสทำในสิ่งที่อยากทำ เอาชนะใจตัวเอง และส่งต่อโอกาสนี้ไปสู่คนอื่นๆ ได้ เท่านี้ก็ตอบความสำเร็จทั้งหมดแล้ว
“เงิน 30 ล้านบาท ถ้าวันนี้เอาไปซื้อรถสปอร์ตมาขับสักคัน จะไม่เหนื่อยเท่านี้เลย และเป็นการเล่นคนเดียวด้วย แต่นี่ไม่เอารถ เอามาทำธุรกิจ ยังไงก็ชนะใจตัวเองแล้ว เหมือนกัดฟันโยนเงิน 30-40 ล้านบาททิ้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่า จะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค แต่ที่รู้ก็คือ พวกเรามีความสุข สนุก และสะใจที่ได้ทำ” เธอบอก
เป้าหมายของเพลินวานพาณิชย์ ไม่ได้หยุดแค่กรุงเทพ แต่ยังมีแผนขยายสาขาทั่วประเทศเพื่อรับการมาถึงของ "เออีซี" ทว่าแผนไกลที่กว่านั้นก็คือ การเอาเพลินวานพาณิชย์ ไปปักธงที่ “นิวยอร์ค” เมืองที่เธอเคยไปใช้ชีวิตอยู่ถึง 13 ปี โดยแอบกระซิบว่า กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นร้านอาหารไทยในนิวยอร์ค เพื่อเปิดตำนานเพลินวานในต่างแดนเป็นครั้งแรก..เร็วๆ นี้
“นิวยอร์ค เป็นตลาดที่มีเสน่ห์มาก แล้วก็มีช่องทางที่คอนเซ็ปต์แบบนี้จะไปเกิดได้ไม่ยาก ที่สำคัญโอกาสที่จะเกิดแจ๊คพอตแตกก็มีความเป็นไปได้สูงด้วย เพราะต่างชาติชอบอะไรแบบนี้ เชื่อว่าจะเกิดง่ายกว่าที่เมืองไทยด้วยซ้ำ”
เธอบอกความตั้งใจ ที่จะปรากฏในแผนฉบับใหม่ของเพลินวาน ธุรกิจที่เป็นมากกว่าธุรกิจ
เพราะสิ่งที่ขายไม่ใช่สินค้า หรือ รสนิยม แต่คือ “อุดมการณ์” แบบ เพลินวานพาณิชย์
“”””””””””””””””””””””””””””
Key to success
สูตรรบฉบับเพลินวานพาณิชย์
๐ บริการรักแท้เพลินวาน ในกรุงเทพ
๐ แทรกซึมความเป็นไทยในสไตล์ย้อนยุค
๐ ใช้วัตถุดิบจาก “ดินไทย” เท่านั้น
๐ ขายอุดมการณ์ ไม่ใช่ รสนิยม
๐ รองรับโอกาส ลูกค้าเออีซี และขยายไปตปท.
๐ โอกาสมีค่า ไม่ได้ใช้ต้องส่งต่อ







