48 ปี นักสู้พันธุ์มด 'NCI'

เคล็ดลับความสำเร็จอยู่ตรงที่ NCI มีการเตรียมความพร้อม และปรับตัวรับมือกับความท้าทายในทุกรูปแบบ
เป็นมดตัวเล็กๆ ที่ได้คาดเข็มขัดแชมป์โลก เพราะ NCI ถือเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี แต่กลับขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสิ่งทอหน้าแคบ จำพวก ริบบิ้น ดิ้นทอง เชือกถัก ลูกไม้ ชายครุย พู่ ฯลฯ ในระดับTop5 ของโลก
ซึ่งที่มาที่ไปของความสำเร็จ คงพูดได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่ง่ายนัก แต่เคล็ดลับอยู่ตรงที่ NCI มีการเตรียมความพร้อม และปรับตัวรับมือกับความท้าทายในทุกรูปแบบ
เพราะจากปี 2509 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น NCI นั้นต้องผจญกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจหนักบ้างและเบาบ้างอยู่เสมอมา
วรรณวดี อัศว์วิเศษศิวะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครไชยศรีอุตสาหกรรม จำกัด เจนเนอเรชั่นที่สอง บอกว่า หากจะเปรียบเป็นหนังสือ ในบทแรกก็คงต้องเป็นช่วงเวลา 10 ปีแรกแห่งการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัญหาที่พบในเวลานั้นหนีไม่พ้นเรื่องของเงินทุน การสร้างคน การขนขวายหาเทคนิคการผลิต ส่วนในบทที่สอง หรืออีกสิบปีต่อมา ซึ่งเป็นเวลาที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตเฟื่องฟู ทำให้บริษัทจำเป็นต้องรีบเร่งผลิตสินค้าให้ทันต่อความต้องการของตลาด หลังจากนั้นอีกสิบปีถัดมาสภาพแวดล้อมขององค์กรทั้งภายนอกภายก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิบปีให้หลังนี้จะเห็นได้ชัดถึงความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และโซเชี่ยลมีเดีย
"ที่หนักสุด น่าจะเป็นช่วงปี 40 ที่ประเทศจีนมีการเปิดประเทศและกลายเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก ทำให้น่านน้ำที่เราเคยจับปลาได้ ก็กลับไม่เคยเจอปลาอีกเลย และนำไปสู่โจทย์ต้องทำอย่างไรที่จะทำให้เรายืนหยัด สามารถดูแลองค์กร ดูแลลูกน้อง และตลาดต่อไปได้"
ในเวลานั้นตลาดหลักของ NCI ก็คือกลุ่มธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กำลังเริ่มจะล่มสลายเพราะไม่อาจสู้ต้นทุนกับประเทศจีนได้
" ตอนนั้นเราก็มองหาว่าแล้วอะไรจะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ก็มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับ Hobby และ Craft ของตลาดในประเทศเจริญไปได้ดีมากๆ"
แต่หากจะมีการเปลี่ยนทิศองค์กร จะให้ดีและไม่ให้หลงทางจำเป็นต้องมีการวางแผน และมีการลงทุน
NCI มีการว่าจ้างที่ปรึกษาจากประเทศอเมริกาซึ่งเชี่ยวชาญในแวดวง Hobby และ Craft อีกทั้งได้เชิญ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ที่ปรึกษาด้านชื่อเสียง-ความยั่งยืนขององค์กร มาช่วยให้คำแนะนำพร้อมคอนเฟิร์มถึงความมั่นใจว่าตลาดนี้มีแนวโน้มที่สดใสแน่ๆ
วรรณวดีบอกว่า เป็นเพราะ NCI มุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวมาโดยตลอด เลยทำให้มีวันนี้
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำโดยอาศัย "สัญชาติญาน" แต่มันคงไม่เพียงพอสำหรับในยุคนี้ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
ลำพังจะต่อยแบบมวยวัดก็คงไม่สามารถขึ้นไปวัดมวยชกในเวทีสากล จำเป็นต้องอาศัยคำปรึกษา เครื่องมือตลอดจนทฤษฎี หลักการต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐาน
และแล้วในปี 54 องค์กรแห่งนี้ก็พบเจอกับโครงการ Productivity Facilitator:PF ซึ่งภายหลังมีการต่อยอดเพื่อความยั่งยืนด้วย KM ด้วยโครงการที่ชื่อว่า Knowledge Management for Sustaining the Organizational Productivity Movement:PFKM ของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
ซึ่งการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวถือเป็นจุดเปลี่ยนของ NCI
"ก่อนหน้าก็คิดเพียงว่าองค์กรขาดเหลืออะไรก็เติมลงไป ไม่มีเครื่องมือก็ซื้อหามาเพราะคิดว่าเป็นวิธีที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่พอทำไปทำมามีเกิดปัญหาอีกก็คิดต่อว่าเพราะคนของเราขาดหลักการหลักคิดที่เพียงพอ ก็ส่งเขาไปพัฒนาไปเรียนต่อ หรือหาอาจารย์มาสอนกันในบริษัท ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ชั่วครั้งชั่วคราว นานวันปัญหาก็กลับมาอีก มันไม่จบ"
ขณะที่โครงการ PF มุ่งเน้นในเรื่องของการมีส่วนร่วม
"เราได้เรียนรู้ว่า เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ผ่านมักเป็นการสั่งการให้พนักงานทำ เราไม่ได้ตั้งคำถามว่าต้องทำอย่างไรให้คนอยากทำ ซึ่งเราคงจะคิดและทำเพียงลำพังคงไม่ได้ แต่ต้องอาศัยคนภายในองค์กรนึกอยากทำไปกับเราด้วย"
วรรณวดี บอกว่า ลำดับแรกคือต้องมีการสื่อสารทำความเข้าใจให้พนักงานรับรู้ว่าทำไปทำไม ทำให้พนักงานเชื่อว่าสิ่งที่ทำคือสิ่งที่จำเป็นต่อองค์กร ทำให้เขาเปิดใจ และมองเห็นปลายทางว่าที่สุดแล้วจะทำให้เขา และองค์กรต่างก็วิน วิน
ต้องพยายามนำพนักงานออกจากวังวนความคิดที่ว่า สิ่งที่ได้ทำไปทั้งหมดนั้นดีแล้ว และไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอีกแล้ว
ว่ากันว่าภาพรวมความสำเร็จของธุรกิจมาจากการบริหารคนและบริหารงานให้ดีมีประสิทธิภาพ NCI เลยกำหนดกลยุทธ์ที่ชื่อว่า "ธนาคารความคิด" ซึ่งเป็นวงจรที่ต้องหมุนไปพร้อมๆ กัน ระหว่างการสร้าง "คน" เพื่อพัฒนางานและการสร้าง "ระบบงาน" เพื่อพัฒนาคน
ในเรื่องการสร้างคน และหลอมรวมคนให้เชื่อตลอดจนมองเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน เป็นที่มาของวัฒนธรรมองค์กร ที่ชื่อ " MOMOTARA" ประกอบด้วย M-Moralมีคุณธรรม, O-Open Mined เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ , M-Multi Skills มีทักษะการทำงานหลายด้าน, O-Opportunity แสวงหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ, Seeking T-Team Work ทำงานเป็นทีม, A-Attitude มีทัศนคติที่ดี R-Result Oriented ให้ความสำคัญกับผลสำเร็จในงาน และ A-Accountable มีความรับผิดชอบไว้วางใจได้
สำหรับการบริหารงานนั้น ก็เป็นเรื่องการจัดระบบการทำงานด้วยการบูรณาการหลักการจัดการความรู้หรือ KM กับการบริหารความเปลี่ยนแปลงเข้าด้วยกันพร้อมกับมีการกำหนดระบบงานที่มีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน มีกรอบเวลาที่แน่ชัด ภายใต้บรรยากาศการทำงานที่มีความสุข สนุกสนาน
วรรณวดี สรุปทิ้งท้ายว่า เอสเอ็มอีไม่เพียงแต่ต้องการเงินทุนเท่านั้น ที่จำเป็นไม่แพ้กันก็คือความรู้ ในกรณีของ NCI ก็เสียเงินไปเยอะโดยเปล่าประโยชน์กับการลงทุนพัฒนาแบบไม่ถูกที่ถูกทางเพราะขาดต้นแบบ ขาดแนวทางที่ดี
สำหรับเธอแล้ว ความอยู่รอดของเอสเอ็มอีนั้นขึ้นอยู่ความเข้าใจ เข้าถึงลูกค้าและยกพวกเขาให้เป็นที่ปรึกษา อีกทั้งต้องทำธุรกิจในวิถีพอเพียง ตามกำลังที่ทำได้ และไม่ก่อหนี้ เพียงแค่นี้ก็สร้างตำนานนักสู้มดพันธุ์อึดได้ไม่ยากนัก







