พลิกมุมคิดสร้างพรสวรรค์ ดร. กุลเดช สินธวณรงค์

พลิกมุมคิดสร้างพรสวรรค์ 

ดร. กุลเดช สินธวณรงค์

วันนี้ผมอาจจะไม่รู้เท่าคุณ พรุ่งนี้ผมจะรู้มากกว่า และในวันมะรืนนี้ผมจะทำได้ดีกว่าคุณ

คือ คติประจำตัวของ "ดร. กุลเดช สินธวณรงค์" กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท JARKEN บริษัทสถาปนิกครบวงจรชั้นนำ

จึงไม่น่าแปลกกับมุมคิดของเขาที่ว่า "พรสวรรค์นั้นสร้างได้"

ทั้งยังมีบทพิสูจน์จากเส้นทางชีวิตของตัวเขาเอง เนื่องจากในวันนี้ ดร.กุลเดชเป็นเจ้าของธุรกิจที่ขยายขอบเขตไปไกลกว่าความรู้ที่เคยร่ำเรียนมา

อันประกอบด้วย ปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโท วิศวกรรมอาคารและบริหารงานก่อสร้าง มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ และบริหาร อุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของบริษัทสถาปนิกรับออกแบบบ้าน บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และในปีที่ผ่านมายังได้เปิดบริษัทเอเยนซี่โฆษณา

ดร.กุลเดช เล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเองนั้นเรียนจบทางด้านวิศวะโยธาและต้องทำงานร่วมกับสถาปนิกมาโดยตลอด รวมทั้งยังมองว่าวิชาชีพนี้ทำงานด้วยยาก แต่ที่ตัดสินใจเปิดบริษัทสถาปนิกขึ้นมาเป็นเพราะเขาลองคิดใหม่

"ถ้าเอาตัวเองใส่ในรองเท้าของเขา และลองบริหารพวกเขาจะเป็นไปได้หรือไม่ "

แน่นอน ต้องทำศึกษาตลาดและทำความรู้จักว่า "ใครเป็นใคร" ภายในแวดวง

ส่วนธุรกิจเอเยนซี่โฆษณานั้นเกิดขึ้นจากการต่อยอด เชื่อหรือไม่ว่า ศาสตร์ของสถาปัตย์นิกกับการสร้างแบรนด์มันสามารถเดินไปด้วยกันได้อย่างสวยงาม

"ที่จริงลูกค้าธุรกิจโฆษณามาจากลูกค้าเดิมนั่นคือ ธุรกิจออกแบบบ้าน พวกเขาต้องการให้เราทำเรื่องแบรนด์ให้ด้วย เพราะเรารู้รูปร่างหน้าตาสินค้า รู้ที่มาที่ไปของธุรกิจเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งเราอยู่ในตลาดมาเป็นเวลาสิบปี ทำให้รู้ว่าลูกค้าควรรุกตลาดเซ็คเมนท์ไหน หน้าตาประมาณไหน ราคาประมาณไหน"

ถามถึงความพึงพอใจและเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดร.กุลเดชกล่าวว่า เขาให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ธุรกิจเท่าๆ กัน โดยตั้งเป้าให้แต่ละบริษัทเติบโตไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องแข่งขันกับใครยกเว้นแข่งกับตัวเอง

แล้วธุรกิจใดที่อยู่ในระดับ วันนี้ผมอาจจะไม่รู้เท่าคุณ ธุรกิจใดที่อยู่ในระดับ พรุ่งนี้ผมจะรู้มากกว่า และธุรกิจใดที่อยู่ในระดับ ในวันมะรืนนี้ผมจะทำได้ดีกว่าคุณ

เขาตอบว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาทั้งธุรกิจรับออกแบบและก่อสร้างบ้านประสบความสำเร็จเกินคาด และน่าจะอยู่ในระดับพรุ่งนี้ผมจะรู้มากกว่า สลับกลับไปกลับมากับ ในวันมะรืนนี้ผมจะทำได้ดีกว่าคุณ

"บางเรื่องเราอาจรู้มากกว่า และบางเรื่องก็ทำได้ดีกว่า แต่บางเรื่องเราก็ทำไม่ดีเท่า นั่นเป็นเพราะการเรียนรู้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผมไม่อาจบอกว่าผมทำได้ดีกว่าทุกๆ เรื่อง ผมอาจทำได้ดีกว่าบางเรื่อง แต่อาจทำไม่ดีเท่าในบางเรื่อง ไม่มีธุรกิจใดที่ไม่เคยผิดพลาด และการเรียนรู้มันย่อมต้องอาศัยระยะเวลา"

ส่วนธุรกิจเอเยนซี่โฆษณาซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่ายังอยู่ในระดับ วันนี้ผมอาจจะไม่รู้เท่าคุณ ก็ไม่เคยประสบปัญหาเลย

" ผมเคยถามเพื่อนชาวอังกฤษคนหนึ่งว่าทำไมเขาถึงเรียนปริญญาเอก เขาตอบว่าในเมื่อรัฐบาลจ่ายเงินให้แล้ว Why not? ธุรกิจโฆษณาของผมก็เช่นกัน ในเมื่อลูกค้ายินดีจะ จ่ายเงินให้เราได้เล่าเรียน ให้ได้ศึกษา แล้วทำไมต้องปฏิเสธ " ดร.กุลเดชกล่าวถึงอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเปิดธุรกิจโฆษณา

ขณะที่เมื่อถามถึงเป้าหมายในชีวิต เขาบอกว่าไม่ได้ตีกรอบให้ตัวเองว่าจะต้องก้าวไปอยู่จุดไหน ในเวลาใด แต่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เขาทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพให้กับพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังพยายามปั้นผู้นำแถวสองที่เป็นรองจากเขาให้มีฝีมือที่เยี่ยมยุทธ์

" ผมใช้วิธีโค้ชชิ่ง คุยกับลูกน้องให้มาก ทำให้เขาสามารถช่วยงานเรา ถ้าเราไม่ไว้วางใจคนอื่น ที่สุดก็จะไม่มีใครทำงานแทนเราได้ "

และเมื่อให้มองถึงการเปิดเออีซี ดร.กุลเดช บอกว่า ทุกคนมักมองถึงเรื่องการค้าเสรี มองเรื่องเงิน แต่เขากลับมองว่า วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องตระหนักถึง

"แน่นอนแรงงานราคาถูกจะทะลักเข้ามา บริษัทก่อสร้างเรามีโอกาส แต่ถ้าเป็นสถาปนิก ผมว่าคนไทยไม่แพ้ใคร ปัจจุบันสถาปนิกในสิงคโปร์ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ก็เป็นคนไทยทั้งนั้น"

เออีซีทำให้คนระดับมันสมองไหลออก?

ดร.กุลเดชบอกว่าย่อมต้องเกิดเพราะมนุษย์ย่อมต้องการเงินเดือนสูงกว่า ซึ่งที่ผ่านมาสถาปนิกไทยต่างก็ไปขุดทองต่างแดน แต่สุดท้ายก็มีจำนวนไม่น้อยที่บ่ายหน้ากลับประเทศบ้านเกิด

เพราะแม้จะได้รับเงินเดือนแพงสูงลิ่วแต่เมื่อต้องอยู่ในประเทศที่เจริญที่มีค่าครองชีพที่สูงลิ่ว เมื่อดีดลูกคิดรางแก้วแล้ว อยู่เมืองไทยสุขกายสบายใจกว่าเยอะ